TASCO รอข่าวดีสหรัฐยกเลิกคว่ำบาตรเวเนฯ
ว่ากันว่าเมื่อผู้นำเปลี่ยนนโยบายต่างๆ มักจะเปลี่ยนไปด้วย อย่างที่สหรัฐ เมื่อ “โจ ไบเดน” ได้รับชัยชนะเหนืออดีตประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ก้าวขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่คนที่ 46 ของแดนพญาอินทรี ได้มีการประกาศยกเลิกหลายๆ มาตราการของทรัมป์
เช่น ยกเลิกการสร้างกำแพงกั้นชายแดนระหว่างสหรัฐกับเม็กซิโก, นำสหรัฐกับเข้าสู่ข้อตกลงปารีสอีกครั้ง เดินหน้าสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดแทนที่พลังงานฟอสซิล โดยตั้งเป้าให้สหรัฐเป็นประเทศปลอดคาร์บอนในปี 2578
ขณะที่ไม่กี่วันที่ผ่านมามีข่าวว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตรียมทบทวนมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอลาที่ออกมาตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อบีบให้ประธานาธิบดีนิโคลาส มาดูโร ลาออกจากตำแหน่ง เพราะสหรัฐมองว่ารัฐบาลของนายมาดูโรไม่มีความชอบธรรมเนื่องจากโกงการเลือกตั้งเมื่อปี 2561
กระแสข่าวการยกเลิกคว่ำบาตรเวเนซุเอลาเกิดขึ้นหลังมีวุฒิสมาชิกสหรัฐพรรคเดโมแครตได้ออกมาเรียกร้องให้คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน รื้อฟื้นโครงการแลกเปลี่ยนเชื้อเพลิงดีเซล เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเวเนซุเอลาซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการทรุดตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ
เรียกว่าเป็นเสมือนแสงสว่างปลายอุโงค์ที่จุดขึ้นมาทันทีสำหรับบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ซึ่งถูกรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ บีบให้ยกเลิกการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลามาตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อน จนทำให้ราคาหุ้นทรุดหนัก
โดยจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ทางสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทย ได้ติดต่อมาที่บริษัทเพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากประเทศเวเนซุเอลา ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 2562 โดยบริษัทได้มีการชี้แจงรายละเอียดไปเมื่อเดือน ม.ค. 2563
ต่อมาในช่วงราวๆ เดือน ส.ค. 2563 ทางการสหรัฐได้ติดต่อกลับมาอีกครั้ง และขอให้บริษัทหยุดซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. 2563 เป็นต้นไป พร้อมขู่ด้วยว่าหากไม่ปฏิบัติตามบริษัทจะถูกรัฐบาลสหรัฐคว่ำบาตรด้วย
แน่นอนว่าเมื่อมีคำสั่งออกมาแบบนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อบริษัทเต็มๆ เพราะใช้น้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาเพื่อผลิตยางมะตอยคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 90% ของปริมาณน้ำมันดิบทั้งหมด เท่ากับว่าแทบจะปิดช่องทางทำมาหากินของบริษัทไปโดยปริยาย จนทำให้ราคาหุ้น TASCO ร่วงติดฟลอร์ 2 วันติด (14-15 ก.ย.) ตั้งแต่มีข่าวออกมา หลุดลงไปต่ำกว่า 15 บาท ทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง
นักวิเคราะห์ทุกสำนักออกมาทบทวนปรับลดประมาณการผลประกอบกา่รของบริษัทลงกันหมด เพราะกังวลว่าเหตุการณ์จะยืดเยื้อ ส่วนน้ำมันที่เหลืออยู่ก็คงใช้่ได้อีกไม่นาน ถ้าไม่มีน้ำมันจากแหล่งใหม่เข้ามาบริษัทคงต้องปิดโรงกลั่นซึ่งตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซียในที่สุด
ที่ผ่านมาบริษัทเดินหน้าหาแหล่งน้ำมันดิบจากที่อื่นมาทดแทนการสั่งซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา ทั้งเจรจาสั่งซื้อจากผู้ผลิตน้ำมันโดยตรง และผ่านบริษัทเทรดดิ้งน้ำมัน หลังปริมาณน้ำมันดิบที่เหลืออยู่ในสต็อกจะสามารถใช้ได้ถึงช่วงสิ้นไตรมาส 2 นี้ เท่านั้น
โดยล่าสุดบริษัทได้แหล่งสั่งซื้อน้ำมันดิบแห่งใหม่แล้ว 2 แหล่ง สั่งซื้อไปเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา คาดว่าจะเริ่มจัดส่งได้ในช่วงปลายเดือน มี.ค. หรือ ต้นเดือน เม.ย. นี้ และยังวางแผนที่จะซื้อน้ำมันจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติมอีก เพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งก็ต้องมารอดูว่ายางมะตอยที่ผลิตมาจากน้ำมันดิบแหล่งใหม่นี้จะมีคุณภาพเหมือนหรือใกล้เคียงกับแหล่งเก่ามากน้อยแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ถ้าสหรัฐตัดสินใจยกเลิกคว่ำมาตรการเวเนซุเอลา และบริษัทสามารถกลับมาสั่งซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาได้อีกครั้งน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด โดยบล.ทิสโก้ ระบุว่า หากบริษัทสามารถซื้อน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะส่งผลให้ยอดขายปี 2564 เพิ่มขึ้นเป็น 1.75 ล้านตัน เท่ากับปี 2563 จากเป้าหมายเดิมที่ 1.25 ล้านตัน ส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 28.6% เป็น 2,570 ล้านบาท