‘เซ็นทรัลพัฒนา’เดินหน้าลงทุน ยึดเมืองศักยภาพสูงลุย‘มิกซ์ยูส’
“เซ็นทรัลพัฒนา” หนุนรัฐเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ลั่นวิกฤติเป็นโอกาส ประกาศเดินหน้าลงทุน ปลุกจ้างงานกว่า 1 หมื่นอัตรา ปักหมุดเมืองศักยภาพสูง “อยุธยา-ศรีราชา-จันทบุรี” ปั้นมิกซ์ยูสแลนด์มาร์กใหม่มูลค่า 1.39 หมื่นล้าน ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ มั่นใจกำลังซื้อ
ปัจจัยบวกจาก “วัคซีน” ป้องกันโควิด-19 รวมทั้งการแพร่ระบาดที่เริ่มคลี่คลายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก แม้จะยังไม่สามารถวางใจได้ 100% แต่แนวโน้มในปีนี้เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะปรับตัวดีขึ้นเป็นสัญญาณบวกต่อผู้ประกอบการในการเดินหน้าธุรกิจเป็นหนึ่งในฟันเฟืองหนุนภาครัฐฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดย “เซ็นทรัลพัฒนา” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย ประกาศเตรียมเปิดให้บริการ 3 โครงการมิกซ์ยูส ได้แก่ เซ็นทรัล ศรีราชา, อยุธยา และ จันทบุรี รวมมูลค่าโครงการกว่า 13,900 ล้านบาท
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนามุ่งขยายการลงทุนต่อเนื่องเพื่อเป็นสปริงบอร์ด (Springboard) หนุนเศรษฐกิจและประเทศฟื้นตัว ทั้งเป็นการต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่มีการพัฒนาในวงกว้างทุกมิติ สอดรับยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการของเซ็นทรัลพัฒนาซึ่งเน้นเมืองศักยภาพสูงที่เชื่อมต่อการพัฒนาเมกะโปรเจคโครงสร้างพื้นที่ต่างๆ ของรัฐ ภายใต้โมเดลที่เรียกว่า “Fully-Integrated Mixed-Use Developments” คือการเข้าไปเป็นแลนด์มาร์กใหม่ หรือ ศูนย์กลางการใช้ชีวิตอย่างครบวงจร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ พร้อมทั้งชูอัตลักษณ์ของจังหวัดนั้นๆ ไปด้วยในตัว
นับเป็นการยกระดับอีโคซิสเต็ม (Ecosystem) ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของเมือง ซึ่งในปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 เตรียมเปิดบริการ 3 โครงการขนาดใหญ่รวมมูลค่ากว่า 13,900 ล้านบาท ได้แก่
เซ็นทรัล อยุธยา มูลค่า 6,200 ล้านบาท กำหนดเปิด 27 ต.ค.
เซ็นทรัล ศรีราชา มูลค่า 4,200 ล้านบาท เปิดบริการ 25 ก.ย.
เซ็นทรัล จันทบุรี มูลค่า 3,500 ล้านบาท เปิดบริการไตรมาส 2 ปี 2565
คาดช่วยสร้างอัตราการจ้างงานกว่า 10,000 ราย กระจายรายได้และความเจริญ เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
"เซ็นทรัลพัฒนาไม่เคยหยุดนิ่ง แม้ปีที่ผ่านมาและปีนี้จะยังมีความท้าทายจากวิกฤติโควิด แต่เราคิดบวกและเชื่อมั่นว่าในวิกฤตยังมีโอกาสในการลงทุนเสมอ ผู้ประกอบการและภาครัฐต้องช่วยกัน เดินไปด้วยกัน เพื่อสร้างการเติบโตไปพร้อมๆ กัน"
ซินเนอร์ยีธุรกิจเสริมแกร่งมิกซ์ยูส
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการของเซ็นทรัลพัฒนาเป็นมากกว่าการขยายสาขาศูนย์การค้า โดยวาง 3 กลยุทธ์แห่งความสำเร็จ
กลยุทธ์แรก บุกเบิกเมืองด้วยโมเดล Fully-Integrated Mixed-Use Developments ที่แข็งแกร่งกว่า 40 ปี ซึ่งการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่มิกซ์ยูส จะมีศูนย์การค้าเป็นแกนกลางนำสู่การพัฒนาองค์ประกอบต่างๆ อาทิ ที่พักอาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมให้ทุกจังหวัด และเชื่อมโยงเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างธุรกิจในเครือ
จะเห็นว่า โครงการคอนโดมิเนียมของเซ็นทรัลพัฒนามีจุดแข็งที่อยู่ติดศูนย์การค้าทำให้หลายโครงการ “sold out” ได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ระยอง อาคารแรก, เชียงใหม่ อาคาร 1-2, โคราช อาคารแรก ขณะนี้ได้เปิดโครงการเพิ่มใน 3 จังหวัด ขณะที่โครงการหาดใหญ่มีการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบัน ธุรกิจที่พักอาศัยของเซ็นทรัลพัฒนามีกว่า 18 โครงการใน 10 จังหวัด นอกจากนี้ เตรียมพัฒนาโรงแรมแบรนด์ใหม่
นางสาววัลยา ยกตัวอย่างเมืองศักยภาพทั้ง 3 โครงการสอดรับไปกับแนวทางการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เช่น เซ็นทรัล อยุธยา เป็นการสร้าง Complete Tourism Ecosystem ให้จังหวัด ช่วยยกระดับการท่องเที่ยวของอยุธยาทั้งระบบ และส่งเสริมการเป็นฮับสู่ภาคเหนือและอีสาน ส่วน เซ็นทรัล ศรีราชา ยกระดับให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่ล้ำสมัยรองรับพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซี และ นิวเอสเคิร์ฟ (New S-Curve) ของเมืองไทย ขณะที่ เซ็นทรัล จันทบุรี ผลักดันศักยภาพและเจียระไนจันทบุรีที่เป็นเหมือน “Hidden Gem” ของประเทศ เป็นจุดเชื่อมต่อจากเขตเศรษฐกิจ เป็น อีอีซี พลัส2 (EEC Plus 2) ตามแผนพัฒนาเมืองรองของภาครัฐ
กลยุทธ์ที่สอง "Customer-Centric Design Thinking and Marketing" เป็นแนวคิดการพัฒนาทุกองค์ประกอบโครงการเน้นความโดดเด่นของวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของเมือง ให้เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตครบวงจรและท่องเที่ยว
นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจ กล่าวเสริมว่า เมืองเศรษฐกิจทั้งอยุธยา ศรีราชา และจันทบุรี สามารถเข้าไปเติมเต็มโดย "เซ็นทรัล อยุธยา” มุ่งยกระดับความเรืองรองของเมือง UNESCO World Heritage ให้ทั่วโลกได้รู้จัก ส่งเสริมให้ “อยุธยาของคนไทย” เป็นสปอตไลท์ระดับโลก ไปพร้อมเจาะกำลังซื้อคนอยุธยารุ่นใหม่ (Young Affluent & Urban Vibes) ซึ่งมีกำลังซื่้อสูง เดิมเข้ามาช้อปย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ทั้งรองรับประชากรจังหวัดใกล้เคียง อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรีประชากรแฝงจากนิคมอุตสาหกรรม 5 แห่ง ซึ่งเป็นบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และไฮเทค มีโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 56 โครงการ 5,700 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.5-3 ล้านบาท
"ในเชิงการท่องเที่ยวจะทำให้อยุธยาเป็นจุดหมายใหม่แบบ Short-Trip Destination และส่งเสริมให้เที่ยวอยุธยานานขึ้น 2 วัน 1 คืน พร้อมดึงศักยภาพของเมืองแบบเกียวโตโมเดล หรือ เมืองแฝดเกียวโต-อยุธยา โดยดึงเอกลักษณ์ของการเป็นเมืองมรดกโลก ประวัติศาสตร์ อาหาร สินค้าพื้นถิ่น ซึ่งเซ็นทรัล อยุธยา จะช่วยบุกเบิกโมเดิร์น คอมเมิร์ซ ดิสทริค"
บิ๊กโปรเจคอย่าง “เซ็นทรัล ศรีราชา” และ "เซ็นทรัล "จันทบุรี" นับเป็นโอกาสำคัญในพื้นที่เศรษฐกิจอีอีซี ภายใต้แผนสร้างเมือง New S-Curve วางเป้าหมายผลักดันศักยภาพศรีราชาเป็นศูนย์กลางแห่งอีอีซี จากศักยภาพเมืองดาวรุ่งอุตสาหกรรม และมีจีดีพี อันดับ 2 ของประเทศ กลุ่มเป้าหมายหลากหลายและมีกำลังซื้อสูง
ส่วน “เซ็นทรัล จันทบุรี” เป็นการบุกตลาดบลูโอเชี่ยน เป็น The Hidden Gem of EEC Plus 2 สร้างเศรษฐกิจและวิถีท้องถิ่นแข็งแกร่งระดับประเทศ กลุ่มเป้าหมายมีกำลังซื้อสูงเช่นกัน จากเมืองที่กำลังเติบโต ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
กลยุทธ์ที่สาม “Tenant-Centric Business Partnership” เซ็นทรัลพัฒนามองการลงทุนกับคู่ค้าในระยะยาว สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการสร้างศูนย์การค้าที่ตรงใจคนในแต่ละโลเคชั่น เป็นทางเลือกของแต่ละจังหวัด
การตลาดยุคใหม่ยังมุ่งใช้เครื่องมือดิจิทัลสร้างการเข้าใจลูกค้าเชิงลึก และทำการตลาดแบบเจาะตรง (Targeted Marketing) จากฐานข้อมูลกลุ่มเซ็นทรัลทั้งเดอะวัน การพัฒนาโปรเจค เดอะวันบิซ (The 1 Biz) เพื่อช่วยให้ร้านค้าขายได้ดีขึ้น และช่วยให้แต่ละแบรนด์สามารถทำซีอาร์เอ็มที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
"ช่วงสถานการณ์ยังได้พัฒนาโปรแกรมที่ยืดหยุ่นสำหรับช่วยเหลือร้านค้าผู้เช่า พันธมิตรสำคัญให้ขับเคลื่อนธุรกิจไปด้วยกันได้ ผ่าน Flexible Leasing Programme โดยลดภาระผ่อนคลายความกังวลเรื่องผลประกอบการในช่วงเปิดร้านใหม่ หรือในช่วงปีแรก การช่วยเหลือให้เข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกับพันธมิตรธนาคารต่างๆ ช่วยบิสสิเนสแมทชิ่ง กับนักลงทุนท้องถิ่น"
ภาพรวมธุรกิจเซ็นทรัลพัฒนา ปี 2563 มีรายได้รวม 32,062 ล้านบาท กำไร 9,557 ล้านบาท ปัจจุบัน บริหารศูนย์การค้า 34 แห่ง มีพื้นที่ให้เช่ารวม 1.8 ล้าน ตร.ม.