‘เดอะมอลล์’ กางโรดแมพ 3 ปี สู้ศึกอีคอมเมิร์ซ บุกออมนิชาแนลเต็มสูบ
ตลอด 4ทศวรรษ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป”ข้ามผ่านมาทุกอุปสรรค รวมถึงโจทย์ใหญ่ของธุรกิจอย่างการถูกดิสรัปจากเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมโลกค้าปลีก และวิกฤติโควิด-19ที่ ศุภลักษณ์ อัมพุช ให้นิยามว่าร้ายแรงไม่ต่างจากสงครามโลกครั้งที่3! จนเกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
การทรานส์ฟอร์มจึงถือกำเนิดขึ้น วานนี้ (30 มี.ค.) เดอะมอลล์กรุ๊ปได้ฤกษ์ประกาศโรดแมปแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี สู่ “ดิจิทัล คอมเมิร์ซ” ซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตสวนวิกฤติโควิด-19 อย่างชัดเจน พร้อมเดินหน้าบุก “ออมนิชาแนล” เต็มรูปแบบ!
ผ่านโมเดลธุรกิจ O2O ผสานจุดเด่นระหว่างค้าปลีกแบบออฟไลน์ในฐานะผู้นำศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าระดับเวิลด์คลาส กับแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยการนำนวัตกรรม AI-Analytic ขั้นสูงมาใช้ในโลกรีเทลเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นทางลัดในการวิเคราะห์บิ๊กดาต้า ยกระดับประสบการณ์ชอปปิงทั้งออฟไลน์และออนไลน์แบบไร้รอยต่อ “คลิกเดียวถึงห้าง” เพื่อต่อกรกับโลกค้าปลีกที่มีแต่จะเปลี่ยนแปลงและไม่หยุดนิ่งในอนาคต
ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ฉายภาพว่า กลยุทธ์บุกออมนิชาแนล ประเดิมปีนี้ด้วยการเปิดตัว 2 เว็บไซต์ชอปปิงออนไลน์ ได้แก่ “เอ็ม ออนไลน์” (M Online) และ “กูร์เมต์ มาร์เก็ต ไทยแลนด์” (Gourmet Market Thailand) ยอมรับว่าแม้จะเปิดตัวแพลตฟอร์มออนไลน์ช้ากว่าค่ายอื่นๆ แต่จากประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้เรื่องอี-คอมเมิร์ซมากว่า 10 ปี จึงกลับมารุกตลาดออนไลน์อีกครั้ง หลังจากเคยเปิดตัว M Globemall เมื่อ 15 ปีก่อน แต่ปรากฏว่าตอนนั้นทำเร็วเกินไป สะท้อนว่า “ไทม์มิ่ง” เป็นเรื่องสำคัญ พอยังไม่ถูกที่ถูกเวลา ยอดขายเลยไม่เข้าเป้า
แต่ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว ทั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง พฤติกรรมการชอปปิงของคนที่เปลี่ยนไป หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เป็นไทม์มิ่งที่ถูกต้องและต้องเร่งเดินหน้า ผนึกกับความแข็งแกร่งทางกายภาพของเดอะมอลล์กรุ๊ปที่มีศูนย์การค้าในเครือกว่า 10 แห่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ของเมือง
แม้เดอะมอลล์กรุ๊ปจะเริ่มบุกเอ็มออนไลน์ช้า แต่ก็มั่นใจว่าการมีตัวตนขององค์กรและความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อเรา รวมถึงการมีพันธมิตรแบรนด์ต่างๆ ที่ดี จะทำให้เราได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า
“เราจะไม่ฟาดฟันด้านราคาให้เลือดสาด หรือแข่งราคาสู้กับอี-คอมเมิร์ซค่ายอื่นๆ เพราะเรารู้ว่าสู้เรื่องกำไรมาร์จิ้นไม่ได้ แต่จะเลือกฟาดฟันกันที่คอนเทนต์ให้เป็นตัวชูโรงแทน ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 จุดแข็งสำคัญของเดอะมอลล์กรุ๊ป ที่ผ่านมาเราทำคอนเทนต์หลากหลายเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ลูกค้าอยู่เสมอ ตั้งแต่ขายก๋วยเตี๋ยว 50 บาท ยันขายรถโรลส์-รอยซ์หลายล้านบาท เพราะโลกยุคนี้ขายกันแบบธรรมดาไม่ได้ ต้องเอาความหวือหวาเข้าสู้”
โดยทำร่วมกับจุดแข็งอื่นๆ ได้แก่ ความครบสมบูรณ์ของสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทุกเจนเนอเรชั่น, ประสบการณ์ชอปปิงแบบไร้รอยต่อ, ชอปปิงแบบพิเศษทั้งในเรื่องเอ็กซ์คลูซีฟ โปรโมชั่นแคมเปญ และสนุกไปกับประสบการณ์ Shopper-tainment ตลอดจนป็อปอัพและอีเวนท์ต่างๆ, ลอยัลตี้โปรแกรมพิเศษเฉพาะของสมาชิกบัตร M Card รวมทั้งการผนึกกำลังกับพันธมิตรธุรกิจต่างๆ เพื่อมอบสิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์
“แม้เอ็มออนไลน์จะออกมาทีหลัง แต่เชื่อได้เลยว่ารสชาตินั้นเปรี้ยว ไม่มีคำว่าธรรมดา” ศุภลักษณ์ ย้ำชัดถึงรสชาติชอปปิงออนไลน์ที่จะได้สัมผัสกันผ่าน เอ็ม ออนไลน์ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในวันที่ 7 เม.ย.2564
วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาด เดอะมอลล์ กรุ๊ป เล่าเสริมว่า เอ็มออนไลน์ถูกออกแบบมาจากความเข้าใจลูกค้าในเชิงลึก และความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยมีบิ๊กดาต้าจาก Customer Platform และเทคโนโลยี AI ที่ทางเดอะมอลล์กรุ๊ปได้ทุ่มทุนในการพัฒนาไปกว่า 100 ล้านบาท ทำให้เราได้ข้อมูลจากลูกค้าที่มาเดินในห้างสรรพสินค้าของเราทุกสาขาวันละ 1 ล้านคน และยังมีฐานข้อมูลจากสมาชิกบัตร M Card กว่า 4.5 ล้านคน สมาชิกบัตร SCB M กว่า 8 แสนคน ตลอดจนฐานข้อมูลลูกค้าจากกว่า 13 พันธมิตรบัตรเครดิตอีกจำนวนหลายล้านใบ
บิ๊กดาต้าดังกล่าวช่วยให้เดอะมอลล์กรุ๊ปเข้าใจระบบนิเวศของออมนิชาแนล และเส้นทางการชอปปิงของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และนำข้อมูลที่ได้นั้นมาคัดสรรสินค้าและสร้างสรรค์บริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังสร้าง Social Lifestyle Content รวมถึงการดีไซน์ User Interface และจากข้อได้เปรียบนี้จะทำให้เราเป็นผู้นำของออมนิชาแนลในตลาดที่แตกต่าง รู้ใจ เข้าถึง และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง
“โดยหลังเปิดตัวจากนี้ จะทำการตลาดอัดแน่นทุกช่องทางทั้งสื่อออนไลน์ ออฟไลน์ และกิจกรรมต่างๆ โดยได้ตั้งเป้าทราฟฟิกคนเข้าเว็บที่ 20 ล้านเพจวิวภายในปีนี้”
จักรกฤษณ์ กีรติโชคชัยกุล ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสบริหารสินค้า เดอะมอลล์ กรุ๊ป มองว่า การเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้า สัดส่วนรายได้ของเอ็มออนไลน์ในดิจิทัลคอมเมิร์ซทั้งหมดของเดอะมอลล์กรุ๊ป จะเป็น 15% และภายในอีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนจะเพิ่มเป็น 25%