'สมคิด พุ่มพวง' ถูกสั่งประหารชีวิตสถานเดียว สรุปคดีฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ

'สมคิด พุ่มพวง' ถูกสั่งประหารชีวิตสถานเดียว สรุปคดีฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ

"สมคิด พุ่มพวง" เปิดเหตุผลประหารชีวิตสถานเดียว สรุปคดีฆาตกรต่อเนื่อง 6 ศพ เปิดคำพิพากษาศาล ชี้สารภาพแล้วพลิกปฏิเสธในชั้นพิจารณาคดี

ศาลจังหวัดขอนแก่น ตัดสินประหารชีวิตสถานเดียว “สมคิด พุ่มพวง” ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แม้ให้การปฏิเสธในชั้นศาลแต่รับสารภาพตั้งแต่ชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน แต่ไม่สำนึกผิดแม้เคยพ้นโทษจาก 5 คดีก่อนหน้าก็ยังมาก่อเหตุลักษณะเดียวกันอีกจนกลายเป็นต่อเนื่อง 6 ราย จึงยืนประหารชีวิตสถานเดียว

161734177884

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดขอนแก่นได้อ่านคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 87/2563 หมายเลขแดงที่ 174 /2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดขอนแก่น โจทก์ นายสมคิด พุ่มพวง จำเลย คดีนี้ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) (5) , 334 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย ลงโทษประหารชีวิต ฐานลักทรัพย์ จำคุก 2 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

สำหรับความผิดฐานซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตาย หรือสาเหตุแห่งการตาย และฐานเป็นการกระทำใด ๆ ต่อศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป เพื่ออำพรางคดี เป็นการกระทำกรรมเดียว เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ วรรคสอง อันเป็นบทกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 12 เดือน ฐานลักทรัพย์ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 เป็นจำคุก 3 ปี ฐานเป็นการกระทำใด ๆ ต่อศพฯ เพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 16 เดือน สำหรับฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ เนื่องจากศาลลงโทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดแล้ว จึงไม่อาจเพิ่มโทษได้อีก

จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และชั้นสอบสวนในครั้งแรก เพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน แต่ให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ คำรับสารภาพดังกล่าว ไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเพียงกลวิธีในการต่อสู้คดีของจำเลย เพื่อให้ศาลพิจารณาลดโทษให้เท่านั้น ประกอบกับพฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลย ได้กระทำต่อเนื่องในลักษณะเดียวกัน รวมคดีนี้ด้วยถึง 6 คดี

หลังจากจำเลยพ้นโทษจากคดีทั้ง 5 คดีก่อนนั้น เป็นเวลาเพียง 6 เดือนเศษ จำเลยยังกลับมากระทำความผิดเป็นคดีนี้อีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง ทั้งไม่สำนึกในการกระทำความผิด ขาดความเมตตาปราณี สร้างความสูญเสียแก่สุจริตชน และเป็นอันตรายต่อสังคมอย่างใหญ่หลวง จึงไม่มีเหตุบรรเทาโทษ เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือกระทำทารุณโหดร้าย จึงไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดกระทงอื่นของจำเลยมารวมได้อีก คงให้ประหารชีวิตจำเลยสถานเดียว ริบของกลาง

ทั้งนี้ นายสมคิด พุ่มพวง ได้ฉายา “คิด เดอะ ริปเปอร์” เคยก่อเหตุฆาตกรรมหญิงต่อเนื่อง 6 ราย คดีแรก เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2548 เหยื่อคือ น.ส.วารุณี พิมพะบุตร นักร้องคาเฟ่ ถูกมัดและกดน้ำเสียชีวิตในห้องพักโรงแรม ต.มุกดาหาร อ.เมือง จ.มุกดาหาร เหยื่อรายที่ 2 น.ส.ผ่องพรรณ ทรัพย์ชัย หมอนวดแผนโบราณ พบเป็นศพถูกบีบคอตายคาห้องพัก 604 โรงแรมแห่งหนึ่งใน ต.สวนดอก อ.เมือง จ.ลําปาง เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2548

เหยื่อรายที่ 3 คือ น.ส.พัชรีย์ อมตนิรันดร์ นักร้องคาเฟ่ ถูกรัดคอด้วยสายไฟสิ้นใจตายภายในห้องพัก 505 โรงแรม ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2548 เหยื่อรายที่ 4 คือ น.ส.พรตะวัน ปังคะบุตร หมอนวด ถูกกดน้ำตายในห้องพัก 1126 โรงแรม อ.เมือง จ.อุดรธานี วันที่ 18 มิถุนายน 2548

เหยื่อรายที่ 5 คือ น.ส.สมปอง พิมพรภิรมย์ ท้องที่ จ.บุรีรัมย์ ในแมนชั่น อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2548 ทั้งคดีสิ้นสุดที่ศาลฎีกาให้จำคุกตลอดชีวิต ถูกจำคุกที่เรือนจำบางขวาง ต่อมาได้ย้ายไปจำคุกที่เรือนจำจังหวัดหนองคาย ก่อนถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2562 เนื่องจากมีความประพฤติดี เรียบร้อย เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม

แต่ไม่นานก็มาก่อเหตุฆาตกรรมนางรัศมี มุลิจันทร์ อายุ 51 ปี เหตุเกิดภายในบ้านเลขที่ 293 ม.19 ต.หนองโก อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นรายที่ 6 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2562