กลุ่มOctDemแจงเหตุตั้งกลุ่ม-ฟื้นพลังคนหนุ่มสาวต่อยอดความฝัน6ต.ค.2519

กลุ่มOctDemแจงเหตุตั้งกลุ่ม-ฟื้นพลังคนหนุ่มสาวต่อยอดความฝัน6ต.ค.2519

กลุ่มOctDemแจงเหตุตั้งกลุ่ม-ฟื้นพลังคนหนุ่มสาวต่อยอดความฝัน6ต.ค.2519 ขู่ความรุนแรงแก้ปัญหาไม่ได้ ชวนรับฟังร่วมหาทาง ลั่นต้องไม่ผิดถึงตาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่ม OctDem ได้โพสต์ข้อความชี้แจงว่า OctDem เป็นใคร พวกเราที่มารวมตัวกัน ณ ที่นี้ ในวันนี้ ล้วน เคย เป็นคนหนุ่มสาวนักกิจกรรม ที่คิดต่าง พูดต่าง เขียนต่าง และทำต่างจากกรอบปฏิบัติที่ชนชั้นปกครองอยากให้พวกเราเป็น

เราเคยเป็นเยาวชนคนหนุ่มสาว เช่นเดียวกับเยาวชนคนหนุ่มสาวทุกยุคสมัย เยาวชนคนหนุ่ม คนสาวที่ใฝ่ฝันจะได้เห็นสังคมงดงามของประชาชนทุกหมู่เหล่า และเชื่อมั่นในการอุทิศตนเพื่อสร้างสรรค์สังคมแสนงามนั้นอย่างสุดจิตสุดใจ

พวกเราคือกลุ่มคนที่ชนชั้นปกครองในยุคนั้นตราหน้าว่า เป็นพวกหัวรุนแรง เป็นพวกป่วนบ้าน กวนเมือง เราถูกขัดขวาง ต่อต้าน ดักทำร้าย จนถึงขั้นถูกทำให้ตายในหลายครั้ง หลายคราว ในช่วงที่เราเคลื่อนไหวเพื่อสังคมแสนงามของเรา

6 ตุลา 2519 การเข่นฆ่า สังหารโหดพวกเรา เกิดขึ้น ที่นี่ ตรงนี้ ในเช้าตรู่ต่อถึงสายของวันนั้น หลายคนเสียชีวิต หลายคนถูกจับ จำคุก ตีตรวน หมดอิสรภาพ เป็นผู้ต้องหาคดีกบฎในราชอาณาจักร ที่มีอัตราโทษสูงสุด ถึงขั้นประหารชีวิต พวกเราหลายร้อย หลายพันคน มุ่งหน้าสู่ชนบท เขตป่าเขา จับอาวุธสู้กับอำนาจรัฐทรามในวันนั้น เป็นประวัติศาสตร์บาดแผลที่เพื่อนเราคนหนึ่งได้นิยามมันสั้นๆ ไว้ว่า เป็นประวัติศาสตร์บาดแผบ ที่ลืมไม่ได้ จำไม่ลง

“ประวัติศาสตร์บาดแผลที่ลืมไม่ได้ จำไม่ลง เป็นประวัติศาสตร์ที่ผู้ปกครองในวันนั้น ต้องสำเหนียกในอีก 2-3 ปีต่อมา จน พวกเขาต้องรีบหาทางเยียวยา สร้างความปรองดอง สมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ใหม่อีกครั้ง"

การเปลี่ยนหัวโขนจากรัฐบาลขวาสุดโต่ง ที่กำจัดคนเห็นต่าง สร้างแนวนโยบาย 66/23 ออกกฎหมายนิรโทษกรรมพวกเรา ที่ว่าไปแล้ว เป็นโจทก์คดี 6 ตุลา ที่พวกเขาก่อขึ้น ได้ออกจากคุกและพวกเราที่เดินป่าท่องไพรตามทางฝัน ได้กลับมาศึกษาเล่าเรียน ร่วมสร้างสรรค์ประชาธิปไตยให้แก่ประเทศชาติ บ้านเกิด

เรากลับเข้าเมือง ทำหน้าที่ประชาชนพลเมืองที่ดีซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศของเรา ทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ประกอบอาชีพแตกต่างหลากหลาย เป็นครูบาอาจารย์ พ่อค้า นักธุรกิจ นักอุตสาหกรรม และนักการเมือง จนถึงวันนี้ ปีพุทธศักราช 2564

45 ปี นับจากเหตุการณ์ 6 ตุลาเหมือนประวัติศาสตร์อำมหิตกำลังหวนกลับมาอีกครั้ง รอที่จะสร้างบาดแผลใหม่ เมื่อเยาวชนคนหนุ่มคนสาวผู้มีอุดมการณ์ของวันนี้ ได้รวมตัวกันบอกกล่าวกับสังคมว่า สังคมงดงามของปวงชนที่พวกเขาอยากเห็นและอยากมีชีวิตอยู่เป็นเช่นไร

แต่พวกเขากลับถูกจับกุมคุมขัง ด้วยอำนาจรัฐและข้ออ้างทางกฎหมาย มีการจัดชุดควบคุมฝูงชน ยิงแก๊สน้ำตา ฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าสลายการชุมนุมที่กระทำอย่างสงบ สันติ ปราศจากอาวุธ เยาวชนคนหนุ่มคนสาว นับสิบนับร้อยถูกแจ้งข้อหาร้ายแรง ถูกจับกุม คุมขังในเรือนจำ เสมือนผู้ต้องโทษที่ผ่านการตัดสินความเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จบสิ้นกระบวนความไปแล้วถูกจับกุม คุมขังอยู่ในเรือนจำ ที่มีสภาพไม่ต่างจากนรกบนแผ่นดิน

“เรือนจำ นรกบนแผ่นดินนี้ตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่เป็นสากล พวกเขาต้องได้รับการประกันตัว ในฐานะมนุษย์ที่ยังไม่ถูกพิพากษาว่า ได้กระทำผิดจริง เราคนหนุ่มคนสาวในยุคนั้น จึงรวมตัวกันอีกครั้งในวันนี้ ในนามคนเดือนตุลาเพื่อประชาธิปไตย Octoberists For Democracy หรือ OctDem"

เราไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์บาดแผลของพวกเราที่เคยถูกกระทำในอดีตและยังไม่ได้รับความยุติธรรม เกิดขึ้นอีกครั้งกับเยาวชนคนหนุ่มสาวรุ่นลูกหลานของเราในวันนี้ ประวัติศาสตร์บาดแผลที่โหดร้ายป่าเถือน เช่นเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 เกิดขึ้นครั้งเดียว ก็เกินพอแล้ว เราไม่ควรปล่อยให้มันเกิดขึ้นมาอีก ในชั่วชีวิตของคนรุ่นเรา การจับกุมคุมขัง เข่นฆ่า ล่าสังหาร กดข่มผู้คน คนหนุ่มคนสาว คนเห็นต่าง ต้องไม่หวนกลับมา

สังคมนี้ต้องสรุปบทเรียน ไม่กระทำผิดซ้ำซาก การล้อมปราบ การเข่นฆ่าอย่างโหดเหี้ยมของกองกำลังอาวุธ ต่อผู้คนในชาติที่เกิดขึ้น ครั้งเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เหตุการณ์ พฤษภาคม 2535 และ เหตุการณ์ เมษายน-พฤษภาคม2552 และ 2553 มันมากเกินพอที่เราจะสรุปบทเรียนได้แล้วว่า การแก้ปัญหาด้วยวีธีใช้ความรุนแรง ไม่สามารถหยุด สยบ ความเห็นต่าง พูดต่าง ทำต่าง ได้เลย ไม่สามารถยุติความขัดแย้งใดๆได้เลย แม้แต่ครั้งเดียว

"มีแต่การรับฟัง ร่วมกันแก้ไข ด้วยนิติรัฐ นิติธรรม คนเท่ากันเท่านั้น สังคมนี้จึงจะดำรงอยู่ร่วมกันได้ อย่างสงบ สันติต่างความคิด ต้องไม่ผิดถึงตาย และยิ่งไม่ผิดถึงขนาดต้องจับกุมคุมขังให้หมดอิสระภาพในระหว่างการต่อสู้คดี เช่นที่เป็นอยู่ในวันนี้ เวลานี้"