พาณิชย์นัดแบงก์ช่วยเอกชนไทยในเมียนมา

พาณิชย์นัดแบงก์ช่วยเอกชนไทยในเมียนมา

พาณิชย์ นัดแบงก์จับเข่าคุยนักธุรกิจไทยที่ลงทุนในเมียนมา และได้รับผลกระทบหนักจากเหตุการณ์ไม่สงบ เตรียมหาทางช่วยเหลือปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ต่อลมหายใจธุรกิจ หลังต้องปิดร้านนานนับเดือน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประสานกับสถาบันการเงิน เพื่อให้พิจารณาปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมา และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ประท้วงของเมียนมา หลังจากกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกับภาคเอกชน รวมถึงสภาธุรกิจไทย-เมียนมา และพบว่า ขณะนี้ นักธุรกิจไทยที่ลงทุนในเมียนมา ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะขาดเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจ เพราะโรงงานผลิตสินค้า หรือร้านค้า ต้องปิดตัวชั่วคราว 

“ได้สั่งการปลัดพาณิชย์ไปแล้ว ให้ประสานกับสถาบันการเงิน อย่างธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) หรือธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และสภาธุรกิจไทย-เมียนมา เพื่อให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพบ และพูดคุยกัน ซึ่งจะทำให้นักธุรกิจไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) รวมถึงรายย่อย สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น” 

ส่วนสถานการณ์การค้าชายแดนของไทยกับเมียนมา ล่าสุด การค้ายังดำเนินไปได้ตามปกติ เพราะด่านการค้าไม่ได้ปิดจากปัญหาความไม่สงบภายในของเมียนมา อย่างที่ด่านแม่สอด จ.ตาก ในช่วงปกติมีรถขนส่งสินค้าทั้งเข้าและออกมากถึงวันละ 700-800 คัน ส่วนในช่วงที่มีการขนส่งสินค้ามกๆ ก็ประมาณ 900 คัน ส่วนการปิดด่านเพราะป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ฝ่ายไทย โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งเจรจากับเมียนมา รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เปิดด่านการค้าให้มากขึ้น เพื่อให้การค้าคล่องตัวมากขึ้น 

            

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวว่า จะนัดหารือกับสถาบันการเงิน และนักธุรกิจไทยให้เร็วที่สุด เพราะทราบว่า ธุรกิจกำลังเดือดร้อนมาก ส่วนกรณีที่สหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรเมียนมา โดยตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าจากเมียนมาว่า อาจกระทบถึงผู้ส่งออกไทยในกลุ่มสินค้าที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตสินค้าสำเร็จรูปของเมียนมา ที่ส่งออกไปสหรัฐฯภายใต้จีเอสพี เพราะสินค้าวัตถุดิบ หรือกึ่งสำเร็จรูปของไทยมีการส่งออกไปเมียนมา แล้วนำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปส่งออกไปสหรัฐฯภายใต้จีเอสพีสหรัฐฯ  

นอกจากนี้ ยังจะกระทบกับกลุ่มธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาแล้วผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯภายใต้จีเอสพี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะติดตามดูว่า มีสินค้ากลุ่มใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ และเตรียมหาแนวทางบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ส่งออกไทย และธุรกิจไทยด้วย 

            

ด้านนายกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์ ประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา กล่าวว่า ขณะนี้ มีนักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ความไม่สงบภายใน โดยเฉพาะนักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนแบบส่วนตัว ไม่ได้เป็นบริษัทรายใหญ่ อย่างร้านอาหาร สปา นวด ฯลฯ เพราะต้องปิดร้านชั่วคราวนานเกือบ 1 เดือนแล้ว ทำให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ถ้าได้รับความช่วยเหลือด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ก็น่าจะช่วยต่อลมหายใจให้กับภาคธุรกิจได้ 

“ขณะนี้ กลุ่มธุรกิจไทยที่ลงทุนในเมียนมา ที่เจ็บหนักที่สุดก็จะเป็นพวกรายย่อยที่เข้าไปลงทุนทำร้านอาหาร หรือธุรกิจบริการอื่นๆ อย่าง สปา หรือนวด เพราะต้องปิดร้านชั่วคราว ทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาเลย และยังไม่รู้ว่าจะปิดไปอีกนานแค่ไหน ถ้ากระทรวงพาณิชย์ ติดต่อมา ก็จะนัดรายที่ได้รับผลกระทบไปคุยกับแบงก์  ถ้าได้รับสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ก็น่าจะประคองธุรกิจต่อไปได้”