‘ในหลวง ราชินี' ทรงวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัย
“ในหลวง” ราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในการนี้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จ
วันนี้ (8 เม.ย.64) เวลา 19.14 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัย ณ ที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัย ตำบลบ้านกล้วย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ในโอกาสนี้ เจ้าคุณพระสินีนาฏ พิลาสกัลยาณี โดยเสด็จในการนี้ด้วย
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัย เสด็จเข้าพลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธนวราชบพิตร ทรงกราบ ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีล จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายวิชัย เตชะศิริสวัสดิ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นางสาวรัตนกุล ธัญธนวิน ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดสุโขทัย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายหนังสือที่ระลึก แด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสร็จแล้ว นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา กราบบังคมทูลรายงาน และขอพระราชทานกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัย
จากนั้น เสด็จออกจากพลับพลาพิธีไปยังมณฑลพิธีวางศิลาฤกษ์ ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมแผ่นอิฐ ทอง นาก เงิน และแผ่นศิลาฤกษ์ แล้วทรงวางลงในเบ้า พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังแท่นพิธี ทรงกดปุ่มไฟฟ้าเปิดแพรคลุมป้าย “อาคารศาลจังหวัดสุโขทัย” พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ชาวพนักงานลั่นฆ้องชัย ประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์
จากนั้น เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก เสร็จแล้ว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กราบบังคมทูลเบิกผู้มีอุปการคุณแก่ศาลจังหวัดสุโขทัย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก ตามลำดับ จากนั้น นายเริงศักดิ์ วิริยะชัยวงศ์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 6 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย นายวิชัย เตชะศิริสวัสดิ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแผ่นศิลาเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และทรงลงพระนามาภิไธย เสร็จแล้ว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปยังห้องประทับรับรอง ทรงลงพระปรมาภิไธย และ ทรงลงพระนามาภิไธยในสมุด ที่ระลึก
จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 46 จังหวัดพิษณุโลก เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ จากนั้น ประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
ศาลจังหวัดสุโขทัยเดิมมีชื่อว่า “ศาลเมืองศุโขทัย” ปรากฏตามเอกสารเรื่องตั้งศาลเมืองศุโขทัย รัตนโกสินทร ศก. 117 ต่อมาได้มีประกาศเรื่องยุบรวมศาล พุทธศักราช 2474 ได้ยุบรวมศาลจังหวัดสุโขทัยเข้ากับศาลจังหวัดสวรรคโลก ซึ่งยุบรวมศาลได้ประมาณ 3 ปีเศษ ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลจังหวัดที่อำเภอสุโขทัยธานี จังหวัดสวรรคโลก พุทธศักราช ๒๔๗๗ ประกอบกับพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามจังหวัดและอำเภอบางแห่ง พุทธศักราช ๒๔๘๒ จึงทำให้ศาลจังหวัดสุโขทัยโอนกลับมาที่เดิมและมีสถานะเป็นศาลจังหวัดนับแต่นั้นเป็นต้นมา อาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัยเดิม เป็นอาคารสูง 2 ชั้น มีห้องพิจารณาคดี 4 ห้อง
ต่อมาเมื่อปีพุทธศักราช 2552 ก่อสร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารสูง 3 ชั้น มีห้องพิจารณาคดี 14 ห้อง เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นมา มีเขตอำนาจการพิจารณาพิพากษาคดี ในท้องที่จังหวัดสุโขทัย รวม 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกงไกรลาศ อำเภอคีรีมาศ อำเภอด่านลานหอย อำเภอเมืองสุโขทัย และอำเภอศรีสำโรง
ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดอาคารที่ทำการศาลจังหวัดสุโขทัยในครั้งนี้ นับเป็นการเสด็จพระราชดำเนินอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก นับจากพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 มีราษฎรจากอำเภอต่าง ๆ อาทิ อำเภอทุ่งเสลี่ยม อำเภอศรีนคร ในจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดใกล้เคียงมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท บริเวณสนามเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย และบริเวณหน้าศาลจังหวัดสุโขทัย รวมทั้งตลอดเส้นทางที่เสด็จพระราชดำเนินผ่าน ทุกคนพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง โบกธงพระปรมาภิไธย “ว.ป.ร.” ธงพระนามาภิไธย “ส.ท.” และธงชาติไทย พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างกึกก้อง แสดงออกถึงความจงรักภักดี และความปลื้มปีติที่ได้ชื่นชมพระบารมี
ในโอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้แก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่านอย่างช้า ๆ ทั้งนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้กองแพทย์หลวง สำนักพระราชวัง ร่วมกับโรงพยาบาลและหน่วยสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย ออกให้บริการด้านสาธารณสุข ดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
พร้อมทั้งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเจลแอลกอฮอล์ และพิมเสนน้ำ รวมถึงให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อประกอบอาหารปรุงสุกใหม่ถูกสุขอนามัย พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ โดยมีรายการอาหาร อาทิ ข้าวกระเพราลูกชิ้นหมู ข้าวกระเพราหมูสับ ไข่ต้ม ไอศครีมกะทิโบราณ ผลไม้สด และน้ำดื่ม การได้รับพระราชทานพระมหากรุณาในครั้งนี้ยังความปลื้มปีติแก่ราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับเสด็จอย่างหาที่สุดมิได้
อนึ่ง เพจ สำนักประชาสัมพันธ์ เขต 4 กรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ภาพและข้อความว่า นายติ๊บแก้ว ค้างคีรี ชาวปกาเกอะญอ บ้านแม่สาน ต.แม่สำ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เดินทางมาจากบ้านแต่เช้าตรู่ ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง เพื่อมารอชื่นชมพระบารมีของในหลวง โดยนามสกุล “ค้างคีรี” เป็นนามสกุลพระราชทานจาก “ในหลวง” รัชกาลที่ 9 และเป็นนามสกุลที่ใช้กันทั้งหมู่บ้าน