หอการค้า แนะระดม 'พยาบาลเกษียณ นศ.แพทย์' ร่วมฉีดวัคซีน
หอการค้าไทย หนุนกทม.จัดหาพื้นที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 รองรับวัคซีนล็อตใหญ่ฉีดให้ประชาชน กทม. เผยมี 7 แห่ง ขณะที่ กทม.เตรียมแพทย์ พยาบาล นศ.แพทย์ พร้อมฉีด
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวในรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand" ถึงความร่วมมือกับ กทม.ในการหาสถานที่รองรับการฉีดวัคซีนใน กทม.ว่า เนื่องจากสถานพยาบาลในสังกัด กทม.อาจไม่สามารถรองรับได้เพียงพอกับวัคซีนล็อตใหญ่ที่จะเข้ามาในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
ทางหอการค้าไทยได้มีการหารือกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ถึงการหาสถานที่สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่กทม.เพิ่ม ซึ่งภาคเอกชนมีความพร้อมและพร้อมสนับสนุน ในเรื่องนี้ซึ่งทางผู้ว่ากทม.ก็ยินดี
ขณะนี้ทางกทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนจำนวนวัคซีนแล้วประมาณ 4 .8 แสนโดสต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน คือเม.ย.- พ.ค.และตามแผนของกระทรวงสาธารณสุข ในเดือน มิ.ย. เป็นต้นไปถึงปลายปี กทม.จะได้รับวัคซีนเพิ่มอีก 1.5 ล้านโดสต่อเดือน ซึ่งหากถึงปลายปีก็จะมีวัคซีนถึง 10 ล้านโดส ประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีน 70 %
อย่างไรก็ตามสถานที่สำหรับฉีดวัคซีนรองรับไม่พอ เพราะสามารถรองรับประชาชนที่ฉีดวัคซีนได้มีประมาณ 3-5 พันคนต่อเดือน ซึ่งถ้าวัคซีน 1.5 ล้านโดสเข้ามาจะต้องฉีดให้ประชาชน 5 หมื่นโดสต่อวัน
นายสนั่น กล่าวว่า หอการค้าไทยจึงได้ตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหอการค้าไทยและ กทม. โดยภาคเอกชนที่เป็นสมาชิกหอการได้เสนอพื้นที่แล้ว 19 แห่งในกทม.และได้มีการลงพื้นที่สำรวจแล้วพบว่า มีพื้นที่ที่ผ่านหลักเกณฑ์และมาตรการฐานจำนวน 7 แห่ง
ส่วนที่เหลือหากมีความเหมาะสมก็ใช้เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนต่อไป เนื่องจากพื้นที่ที่จะใช้เป็นสถานที่รองรับการฉีดวัคซีนนั้นจะต้องมีความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น ด้านความสะดวก จะต้องเข้าถึงง่าย เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสาธารณะ มีที่จอดรถเพียงพอ และสามารถรองรับการฉีดได้อย่างน้อย 2,000 คนต่อวัน
ด้านมาตรฐานสาธารณสุข จะต้องมีพื้นที่เพียงพอในการรักษามาตรการเว้นระยะห่าง มีจุดนั่งรอการฉีดวัคซีน มีระบบ Internet Online แอปพลิแคชั่นหมอพร้อม สำหรับแพทย์และพยาบาลในการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อใช้ในการลงทะเบียนของผู้ฉีดวัคซีน ประวัติ เป็นต้น และจำนวนบุคลากร ซึ่งทางภาคเอกชนมีความพร้อมในเรื่องนี้ ทั้งนี้ในส่วนของบุคคลกรที่จะเข้าทำงานร่วมกับกทม.6-7 เดือน
สำหรับปัญหาบุคลากรที่จะต้องทำหน้าที่ฉีดวัคซีนที่มีไม่เพียงพอทางภาคเอกชนพร้อมที่จะหาบุคคลกากรด้านการแพทย์ พยาบาลมาช่วยฉีดวัคซีน ซึ่งกทม.บอกว่า มีความพร้อมทั้งแพทย์ พบพยาบาลที่เกษียณแล้ว และยังมีนักศึกษาแพทย์ปี 3 และปี 4 มาช่วยฉีดวัคซีน แต่หากไม่เพียงพอภาคเอกชนก็พร้อมช่วย
หากโมเดลการดำเนินงานในกรุงเทพฯ เกิดผลดีเป็นรูปธรรมแล้ว จะนำไปใช้เป็นต้นแบบสำหรับการฉีดวัคซีนในต่างจังหวัดต่อไป ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมแผนการดำเนินงานไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่วางแผนจะเปิดเมืองในวันที่ 1 ก.ค.นี้