'บำรุงราษฎร์' ชี้แจง เหตุแบบสำรวจกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนโควิด-19
รพ.บำรุงราษฎร์ ได้ออกหนังสือชี้แจงภายในองค์กร ถึงแบบสำรวจกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนโควิด-19 ตามกฎหมายคุ้มครองส่วนบุคคล ไม่ใช่การโฆษณา
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดคำชี้แจง กรณีส่งแบบสำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 เป็นไปตามหลัก พ.ร.บ. ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มิได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า หรือการโฆษณา
จากกรณีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สั่งระงับการโฆษณาเรื่องรับจองวัคซีนโควิด-19 ของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร พร้อมบทลงโทษสถานพยาบาลที่ไม่ขออนุมัติ มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 10, 000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา รวมถึงโรงพยาบาลรายอื่น ๆ ที่ดำเนินการลักษณะคล้ายคลึงกัน
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เป็นหนึ่งในธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน ที่ สบส. มีคำสั่งระงับการประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์ของโรงพยาบาล เกี่ยวกับการให้ประชาชนลงทะเบียนจองวัคซีนโควิด-19 ตามที่ภาครัฐจัดสรรให้ เพราะถือว่าเป็นการโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาต และเนื้อหาอาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด โดย สบส. ให้เจ้าหน้าที่ประสานมายังโรงพยาบาล เพื่อระงับการโฆษณาดังกล่าวแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายบริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้ออกหนังสือชี้แจงภายในองค์กร มีเนื้อหาชี้แจงจากฝ่ายบริหารโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรณีการส่งแบบสำรวจข้อมูลกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่าเป็นไปตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยหนังสือชี้แจงมีรายละเอียดดังนี้
ตามที่ได้ปรากฏในการรายงานข่าวของสื่อมวลชนบางสำนัก ถึงการสั่งระงับการส่งแบบสำรวจผู้ป่วยรับวัคซีนของทางโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากเข้าข่ายการโฆษณาเกินจริง และทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทางฝ่ายบริหารจึงชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังต่อไปนี้
ในวันที่ 26 มีนาคม 2564 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ได้รับหนังสือจากสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ขอความอนุเคราะห์มายังโรงพยาบาลฯ ให้รวบรวมรายชื่อกลุ่มเป้าหมายรับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 (โควิด-19) ภายในวันที่ 20 เมษายน 2564 เพื่อให้การบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ ซึ่งการรวบรวมรายชื่อดังกล่าวจำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย เช่น ชื่อ สกุล เลขที่บัตรประชาชน และข้อมูลส่วนตัวด้านสุขภาพ
แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า การจัดเก็บและเปิดเผยข้อมูลของผู้ป่วยนั้น จำเป็นต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ป่วย ตามพระราชบัญญัติข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการแล้วเสร็จเรียบร้อยตามกำหนดเวลา ทางโรงพยาบาลฯ จึงได้ทำการสื่อสารผ่านอิเล็คโทรนิคส์เมล ถึงผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายเป็นรายบุคคล เพื่อแจ้งความประสงค์ และขอความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลเพื่อนำเข้าในระบบฐานข้อมูลกลางของกระทรวงสาธารณสุข
โดยอิเล็กทรอนิกส์เมลดังกล่าวได้ระบุข้อความไว้อย่างชัดเจนและถูกต้องตามหลักเกณฑ์ที่ทางสำนักอนามัยร้องขอ และโรงพยาบาลฯ จะทำการนำข้อมูลเข้าฐานระบบกลาง เฉพาะในกรณีปู้ป่วยที่ให้ความยินยอมเท่านั้น
การดำเนินการของโรงพยาบาลฯ เป็นไปโดยมีเจตนาให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการบริหารจัดการของภาครัฐ โดยมุ่งหวังว่าการกระจายวัคซีนถึงประชาชนจะเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพด้วยฐานข้อมูลที่ถูกต้อง โดยมิได้เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าหรือทำการโฆษณาบริการ และผลการรักษาของโรงพยาบาลฯ จึงมิใช่ การโฆษณา หรือประกาศ ตามที่กำหนดไว้ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี เมื่อทางโรงพยาบาลฯ ได้รับแจ้งจากทางการให้ระงับการส่งอิเลคโทรนิคส์เมลดังกล่าว ก็ได้ดำเนินการตามที่ได้รับแจ้งทันที
ฝ่ายบริหารของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ขอย้ำกับทุกท่านว่า โรงพยาบาลฯ มีความมุ่งมั่นในการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐอย่างเต็มความสามารถ อย่างเช่นที่เคยปรากฏทุกครั้งในอดีตทั้งในสภาวะปกติ และในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเรามุ่งมั่นที่จะดูแลผู้ป่วยของโรงพยาบาลฯ อย่างดีที่สุด เพื่อที่จะผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปด้วยกัน