รวบหนุ่มไทยแฝงตัวในแอพฯหาคู่ ตุ๋นชาวต่างชาติ เสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
รวบหนุ่มไทยแฝงตัวในแอพพลิเคชั่นหาคู่ชายรักชาย
ตุ๋นชาวต่างชาติหลายราย ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความ เสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า เจ้าหน้าที่ ศปชก.สตม., ร.ต.อ.อดิศร บุญชุ่ม รอง สว.กก.ปอพ.บก.สส.
สตม., ส.ต.ต.รดิศ สิทธิประศาสน์ ผบ.หมู่ กก.4.บก.สส.สตม., ส.ต.ต.สืบสกุล สุขเสนีย์ ผบ.หมู่ กก.4.บก.สส.สตม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม. ร่วมทำการสืบสวนกรณีที่มีชาวต่างชาติจำนวนหลายรายเข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
ว่าได้มีหนุ่มไทยที่แฝงตัวอยู่ในแอปพลิเคชันหาคู่แบบชายรักชายในแอพ Grindr, Blued, Romeo, Aloha, Hornet จะเข้ามาพูดคุยกับชายชาวต่างชาติผ่านแอปพลิเคชัน และทำการตีสนิทสนมและชักชวนออกมาตามสถานที่เช่นโรงแรม หรือห้องพัก จากนั้นจะได้มีการลักเอาทรัพย์สินไป ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบตัวผู้กระทำความผิดจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานในการขอหมายจับและจากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาได้ทำการพักอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านช่องนนทรี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ทำการขอหมายค้นต่อศาลอาญากรุงเทพใต้และทำการตรวจค้นห้องพักของผู้ต้องหาพบสมุดบัญชีและบัตรกดเงินสดกว่า 10 รายการ ที่ผู้ต้องหานำมาใช้ในการกระทำความผิดและทำการจับกุม
นายศิรวิทย์ ปกปิดนามสกุล อายุ 29 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ. 172/2564 ลงวันที่ 22 เมษายน 2564 ข้อหา ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน
โดยจากการสืบสวนขยายผลทราบว่าผู้ต้องหารายนี้จะทำการแฝงตัวในแอปพลิเคชั่นหาคู่แบบชายรักชายโดยใช้ชื่อแฝง จากนั้นจะพยายามหาเหยื่อที่มีลักษณะดูมีฐานะ จากนั้นจะทำการตีสนิทสนมและทำการชักชวนผู้เสียหายออกมาตามห้องพักหรือโรงแรมในย่านกรุงเทพมหานคร เมื่อผู้เสียหายได้หลงเชื่อและมาพบแล้วผู้ต้องหาจะพยายามหาวิธีการในการหลอกเอารหัสเข้าแอปพลิเคชันอินเทอร์เน็ตแบงกิ้งของผู้เสียหายและแอบโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหาย หรือ ทำการใช้วิธีการมอมเมาผู้เสียหายจนขาดสติและทำการลักเอาทรัพย์สินที่มีค่ารวมทั้งเงินสดไป ซึ่งเบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ราย และความเสียหายไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท โดยผู้ต้องหาได้ยอมรับว่าได้กระทำความผิดจริง ซึ่งได้ทำมานานกว่า 1 ปีแล้ว โดยทรัพย์สินที่ได้จะเอาไปเล่นการพนัน
สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ
หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th