การเมือง
'ไพศาล' จี้ 'รัฐบาล' เปิดเสรี วัคซีน-ชุดตรวจ ซัด 'รวบอำนาจ' ทำวิกฤตประเทศเพิ่ม
ไพศาล พืชมงคล ชี้ การรวบอำนาจ ทำให้เกิด 3ลัทธิผูกขาด วัคซีน-ชุดตรวจ-การรักษา แนะรัฐบาล เร่งทำ 3เรื่อง-เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อฟื้นวิกฤต
นายไพศาล พืชมงคล อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวบนเวทีไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย ตอนหนึ่งถึงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ว่า สถานบันเทิงย่านทองหล่อที่เป็นคลัสเตอร์ระบาดโควิด-19 ว่า เป็นศูนย์กลางล็อบบี้โครงการรัฐ โครงการระดับชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และกฎหมายไม่สามารถจัดการกับผู้เป็นเจ้าของได้ ทั้งนี้ไม่มีใครรับผิดชอบ แม้จะมีความเสียหาย ที่ถึงขั้นเป็นเหตุให้ออกประกาศฉุกเฉินจนหมดสมัยของสภาชุดปัจจุบัน อย่างไรก็ตามตนไม่เชื่อว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะแก้ปัญหาได้ แต่ทำให้เกิดระบบผูกขาด ทั้งวัคซีน ชุดตรวจโควิด และ การรักษา
นายไพศาล กล่าวด้วยว่าสำหรับลัทธิผูกขาดวัคซีน พบว่าไทยตกลงซื้อกับบริษัทในประเทศอังกฤษ ซึ่งใช้เชื้อเป็น ขณะที่วัคซีนที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก คือ กลุ่มของประเทศจีน ที่ใช้เชื้อตาย อย่างไรก็ตามตนมองว่าการเปิดเสรีนำเข้าวัคซีน คือการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีสิทธิเลือกวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
“การตกลงซื้อ 32 ล้านโดส กับแอสตราเซเนก้า ก่อนที่ อย.ยังไม่ตรวจคุณภาพ ทั้งนี้หลักปฏิบัติทั่วโลก ต้องเปิดเสรีนำเข้าวัคซีนให้เอกชนนำเข้าได้ ส่วนคนยากไร้ รัฐบาลนำเข้าเพื่อให้ฉีดฟรี นอกจากนั้นประเทศผลิตต้องรับรองคุณภาพ และมาตรฐาน แต่ปัจจุบันไม่พบการรับรองจากประเทศผู้ผลิต ขณะที่ประเด็นนำเข้าเสรี มีคนบอกว่าเขาไม่ให้เอกชนดำเนินการ ผมมองว่าควรต้องให้เขาดำเนินการ จะได้หรือไม่ได้ ให้ดำเนินการ โรงพยาบาลใหญ่ที่มีธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่ง จะนำเข้าวัคซีนที่นำเข้ากับประเทศไทย กลับพบคำสั่งให้หยุด และลงโทษ” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวด้วยว่า เกิดการผูกขาดการตรวจ เพราะผู้ใดติดเชื้อหรือไม่ต้องอาศัยเครื่องตรวจ หรือ ชุดตรวจ ตั้งแต่เกิดการระบาด พบว่าประเทศไทย ซื้อเครื่องตรวจ มูลค่า กว่า 10ล้านบาท แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน หรือไม่ใครกล้าใช้หรือไม่ เพราะกลัวจำได้ว่า ซื้อถูก หรือ ซื้อแพง อย่างไรก็ดีตนมีข้อมูลว่าชุดตรวจทั้งโลกมีประเทศจีนเท่านั้นที่ผลิตและส่งออกให้ผู้นำเข้าที่ได้รับอนุญาต ราคาชุดละ 200 บาท ส่วนการตรวจนั้น สถานพยาบาลคิดค่าตรวจกับประชาชน ราคา 1,800บาท - 8,000 บาท และตรวจ 2 ครั้ง ซึ่งสร้างภาระกับประชาชน
"ลัทธิเปิดไทม์ไลน์ที่ประเทศไทยใช้ คือ การละเมิดสิทธิ และการสร้างความตระหนก ให้กับประชาชนจำนวนมาก ที่ใช้สถานที่เดียวกับผู้ติดเชื้อ เช่น ห้างสรรพสินค้า ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจรับตรวจร่ำรวย ขณะที่สถานที่ที่แจ้งไทม์ไลน์คือการทำลายธุรกิจ ได้เช่นกัน”นายไพศาลกล่าว
นายไพศาล กล่าวอีกว่า และเกิดลัทธิผูกขาดการรักษา ทำลายสิทธิขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ระยะเวลา 15 เดือน รัฐไม่มีการประกาศถึงตัวยาที่สามารถป้องกันหรือรักษาไวรัส ทั้งนี้ตนได้รับข้อมูล ว่า ผู้ที่นอนในโรงพยาบาลสนาม 90% รักษาตามอาการ หายระหว่าง 3-8 วัน มีเพียง 1% ปอดบวม หรือ ปอดอักเสบ เพราะไวรัสลงปอด เพราะรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว เป็นเวลา 20 วัน หรือเป็นผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน หรือโรคเกี่ยวกับเลือด ทั้งนี้วัคซีนที่ใช้เชื้อเป็นกับผู้หญิงมีประจำเดือนจะมีความเสี่ยงสูง
“หากรัฐบาลประกาศเป็นทางการว่า มียา ประเภทไหนบ้างที่สามารถรักษาโควิด-19 ตามอาการได้ หรือหากมีอาการปอดบวมให้ไปโรงพยาบาล ผมเชื่อว่าจะทำให้คนไข้ไม่ล้นโรงพยาบาล หรือ โรงพยาบาลสนาม ผมเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องทำคือ ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกประกาศให้นำเข้าวัคซีน ชุดตรวจอย่างเสรี โดยประเทศผู้ผลิตรับรอง และประกาศให้ใช้ยาที่สามารถรักษาได้กลับมาใช้ รวมถึงให้ประกาศตัวยาแผนไทย แผนปัจจุบันที่คนไทยสามารถซื้อเพื่อรักษาตนเองได้ จะทำให้ฟื้นวิกฤตในประเทศได้”นายไพศาล กล่าว.