วัคซีน 'วาระแห่งชาติ' ทางรอดของประเทศ
การที่นายกฯยกระดับให้การกระจายและการฉีดวัคซีนเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ ถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีเพื่อรองรับวัคซีนล็อตใหญ่ที่มีเป้าหมายฉีด 3 แสนโดส/วัน ซึ่งที่ผ่านมาภาคเอกชนได้ยื่นข้อเสนอให้ความร่วมมือแล้ว เพื่อจะช่วยพาไทยก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19
ประเทศไทยเริ่มฉีดวัคซีนเข็มแรกในวันที่ 28 ก.พ.2564 และดำเนินการฉีดมาต่อเนื่องถึงปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนรวม 1.14 ล้านโดส เป็นการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 972,204 โดส และการฉีดเข็มที่ 2 จำนวน 117,462 โดส ซึ่งประเทศไทยได้รับวัคซีน “ซิโนแวค” จากประเทศจีนครบ 2.5 ล้านโดส หลังจากมีการส่งมอบล็อตสุดท้ายเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา แปลว่าขณะนี้มีวัคซีนอยู่ในมือจำนวน 1.36 ล้านโดส ที่รอดำเนินการฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มเสี่ยงต่างๆ
ในขณะที่ประเทศไทยจะได้รับวัคซีน “เอสตร้าเซเนก้า” ในเดือน มิ.ย.2564 ซึ่งเป็นการดีที่ภาครัฐกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการฉีดวัคซีนล็อตใหญ่ โดยจะเห็นการประชาสัมพันธ์การจองฉีดวัคซีนผ่านแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 300,000 โดส เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนให้คนไทยรวม 50 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2564 แน่นอนว่าการดำเนินการตามเป้าหมายดังกล่าวจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายเต็มที่ไม่เฉพาะบุคลากรด้านสาธารณสุข
ที่ผ่านมาหลายฝ่ายได้ยื่นข้อเสนอเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดหา กระจายและการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะภาคเอกชนหลายองค์กรที่ได้ยื่นข้อเสนอให้ความร่วมมือในการเตรียมความพร้อมสถานที่ฉีด การสนับสนุนการฉีดวัคซีน รวมถึงการสนับสนุนงบประมาณในการจัดหาวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งหวังว่านายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนในวันที่ 28 เม.ย.2564 ให้เกิดประสิทธิภาพต่อการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ประเทศไทยก้าวข้ามวิกฤติครั้งนี้ไปได้
การที่นายกรัฐมนตรียกระดับให้การกระจายและการฉีดวัคซีนเป็นวาระเร่งด่วนของประเทศ ถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีเพื่อรองรับวัคซีนล็อตใหญ่ที่มีเป้าหมายฉีดถึงวันละ 300,000 โดส ซึ่งเป็นปริมาณที่ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนในช่วงเวลาเกือบ 2 เดือน แต่ฉีดไปได้เพียง 1.14 ล้านโดส ทำให้รัฐบาลต้องวางแผนการจัดเตรียมศูนย์การฉีดวัคซีนทางเลือก โดยใช้พื้นที่ของศูนย์การประชุม ศูนย์กีฬาและโรงแรม ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชนพร้อมเสนอพื้นที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า นิคมอุตสาหกรรม ปั๊มน้ำมัน
การฉีดวัคซีนที่ที่ผ่านมาไม่ว่าจะติดปัญหาอุปสรรคอะไรขอให้ได้รับการแก้ไขให้เร็วก่อนที่วัคซีนล็อตใหญ่จะมา ถึงแม้ว่าการฉีดวัคซีนที่ผลิตจากการวิจัยและพัฒนาแบบเร่งด่วนจะมีผลกระทบข้างเคียงต่อผู้ฉีดบ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าวัคซีนเป็นคำตอบที่ดีที่สุดของการก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ โดยทุกครั้งที่ประเทศไทยมีวิกฤติเกิดขึ้นและต้องการแนวร่วมในการแก้ปัญหา จะเกิดความร่วมมือที่สร้างพลัง ซึ่งวิกฤติครั้งนี้เช่นเดียวกันที่คาดหวังความร่วมมือจากทุกฝ่าย