‘บี.กริม’ จับมือพันธมิตรลุยลงทุนปั๊มชาร์จไฟฟ้าในนิคมฯ
“บี.กริม” ขานรับนโยบายรัฐส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า ลุยเจรจาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดึงร่วมลงทุนสถานีอัดประจุไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม และสมาร์ทซิตี้ในไทย คาดชัดเจนเร็วๆนี้
นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บี.กริม พร้อมสนับสนุนนโยบายภาครัฐ หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2564 เห็นชอบแนวทางเร่งรัดให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)100% ในปี2578 หรืออีก 14 ปีข้างหน้า จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 18.41 ล้านคัน
โดยในส่วนของ บี.กริม ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าประเภทโครงการผู้ลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก(SPP) ที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตกระแสไฟฟ้าและมีเสถียรภาพที่ดีก็พร้อมพัฒนาคุณภาพไฟฟ้าเพื่อรองรับต่อความต้องการใช้รถอีวี ที่จะเพิ่มขึ้นตามเป้าหมายของภาครัฐ
“เราเน้นพัฒนาโรงไฟฟ้าให้มีคุณภาพป้อนให้กับภาคอุตสาหกรรม และ SPP ก็เป็นธุรกิจหลัก ซึ่ง บี.กริม เราดูว่านิคมฯจะพัฒนาต่อไปให้เป็นเรื่องของสมาร์ทอินดัสเตรียล ปาร์ค มีพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะประกอบด้วยนวัตกรรมต่างๆ เช่น ปั๊มชาร์จอีวี ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะมารองรับอีวี บี.กริม เราก็มีแผนที่จะพัฒนาไปทางนี้”
อีกทั้ง แนวทางดังกล่าว ยังจะเป็นหนึ่งที่ผลักดันให้ บี.กริม เดินไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อก้าวสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หรือ Net-Zero Carbon Emissions ภายในปี ค.ศ.2050 (ปี พ.ศ. 2593)
นายนพเดช กรรณสูตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัท อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ในนิคมอุตสาหกรรม และโครงการสมาร์ทซิตี้ คาดว่า จะมีความชัดเจนในรูปแบบการลงทุนและพันธมิตรร่วมลงทุนในไม่ช้า
โดยมีเป้าหมายที่จะเริ่มดำเนินการในนิคมฯ ในประเทศไทยก่อน เนื่องจากปัจจุบัน บี.กริม มีการลงทุนใน 9 นิคมฯ ซึ่งแต่ละนิคมฯ มีประชากรอาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก ประมาณ 5 แสนคนต่อนิคมฯ คาดว่า จะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และเป็นพื้นที่สำคัญที่จะต้องพัฒนาคุณภาพไฟฟ้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อรองรับความต้องการใช้
ก่อนหน้านี้ บี.กริม มีโครงการศึกษานำร่องพัฒนาระบบสมาร์ทกริด ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จ.ชลบุรี กับสวนอุตสาหกรรมบางกะดี ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงกำลังผลิตไฟฟ้าหลายรูปแบบ ทั้ง โรงไฟฟ้าก๊าซฯ โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้ง โซลาร์ลอยน้ำ โซลาร์รูฟท็อป ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) รวมถึง การอัพเกรดสายส่ง และระบบต่างๆให้ทันสมัยเป็นระบบที่อัจฉริยะรองรับต่อการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ตลอดจนเทคโนโลยี 5G โดยโครงการนำร่องจะทยอยดำเนินการเป็นระยะๆ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 บี.กริม ได้เข้าลงทุนในบริษัท ยูนิเวนเจอร์ บีจีพี จำกัด หรือ UVBGP ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV ในสัดส่วน 45% โดยเข้าร่วมลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ UVBGP จำนวน 2,250,000 หุ้น ในมูลค่าหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 22,250,000 บาท โดยมี UV ถือหุ้นในสัดส่วนที่เหลืออีก 55%
โดยความร่วมมือครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และอื่นๆ ครอบคลุมโครงการพลังงานในรูปแบบต่างๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา โครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยนํ้า โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม โรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน โรงไฟฟ้าชีวมวล บริการ Energy Solution และโครงการสมาร์ทกริด โดยตั้งเป้าผลิตไฟฟ้า 400-500 เมกะวัตต์ ภายในระยะเวลา 3 ปี