‘สหรัฐ - อังกฤษ’ หนุน BCG โมเดล ศก.ไทย ย้ำเป้าหมายสภาพภูมิอากาศปี 78

‘สหรัฐ - อังกฤษ’ หนุน BCG โมเดล ศก.ไทย ย้ำเป้าหมายสภาพภูมิอากาศปี 78

"เอกอัครราชทูตอังกฤษ และอุปทูตสหรัฐ" ยืนยันความมุ่งมั่นประกาศไว้ในที่ประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐ พร้อมสนับสนุนรัฐบาลไทยขับเคลื่อน BCG โมเดล ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และหลุดพ้นอันดับ10 ประเทศรับผลกระทบจากสภาพอากาศรุนแรงของโลก

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 นายไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำประเทศไทยและนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทยร่วมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นด้านสภาพภูมิอากาศที่แต่ละประเทศได้ประกาศ ณ การประชุมสุดยอดผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศ (Leaders Summit on Climate)ที่สหรัฐ เป็นเจ้าภาพ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

โอกาสนี้ เอกอัครราชทูตอังกฤษและอุปทูตสหรัฐ แสดงความยินดีกับแผนด้านสภาพภูมิอากาศที่ประเทศไทยประกาศและยกย่องบทบาทของไทยในฐานะผู้นำด้านการแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศในภูมิภาค พร้อมกระตุ้นให้ทุกประเทศ รวมทั้งประเทศไทย เพิ่มเป้าการมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (NDC) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับโลก นอกจากนี้ทั้งสองประเทศยังได้ให้คำมั่นที่จะสนับสนุนรัฐบาลไทยในภารกิจนี้

เอกอัครราชทูตอังกฤษ กล่าวว่า เราทุกคนต้องลงมือทันทีเพื่อปกป้องโลกไว้ให้คนรุ่นหลัง ซึ่งอังกฤษทราบว่า ประเทศไทยต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติมจากนานาชาติในประเด็นนี้ และยินดีสนับสนุนเส้นทางของไทยอย่างเต็มที่

"ที่ผ่านมา อังกฤษได้สนับสนุนเงินทุนแก่โครงการ Thai Rice NAMA เพื่อการปลูกข้าวอย่างยั่งยืนที่รัฐมนตรีวราวุธได้กล่าวถึงในการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหรัฐ นอกจากนี้เรายังสนับสนุนประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านมาใช้พลังงานสะอาดและระบบการเงินสีเขียวผ่านโครงการ ASEAN Low Carbon Energy Programme และการสนับสนุนนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าในไทย" เดวิดสัน ระบุ 

161976292817

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยต่ออนาคตและส่งผลต่อความเป็นอยู่ของผู้คนรอบโลก ผลกระทบต่อโลกนั้นเป็นที่กระจ่างชัดแล้วในทุกวันนี้รวมทั้งในประเทศไทย ซึ่งได้ถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 10 อันดับแรกจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภัยน้ำท่วม ภัยแล้ง ไฟป่าและปรากฏการณ์ด้านสภาพอากาศแบบสุดโต่ง

การประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศที่สหรัฐ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 - 23เมษายน 2564 ได้นำผู้นำโลกจากหลากหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษ และประเทศไทยและผู้นำองค์กรระหว่างประเทศ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และภาคธุรกิจมารวมตัวกันเพื่อระดมความพยายามในการจัดการวิกฤตด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การประชุมนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญยิ่งในปีแห่งการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ 

ขณะที่ทั่วโลกกำลังเตรียมการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศที่จะเกิดขึ้น ณ การประชุมสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่26 (COP26) ซึ่งจะจัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศอังกฤษ ในเดือนพฤศจิกายนนี้

161976272170

ด้านอุปทูตสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐได้ช่วยเหลือประเทศไทยในการพัฒนาพาวเวอร์กริดและการบูรณาการพลังงานทางเลือกและยานยนต์ไฟฟ้าให้ดียิ่งขึ้นมาตลอดเรายังช่วยประเทศไทยในการพัฒนาเครื่องมือในการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศภัยแล้งและการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติสหรัฐพร้อมที่จะช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายทางสภาพภูมิอากาศ

ในฐานะเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศ นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ประกาศเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครั้งประวัติศาสตร์โดยมุ่งจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 50-52% ภายในปี 2573 เมื่อเทียบกับปี2548 หรือในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมของสหรัฐ เกือบสองเท่า 

เอกอัครราชทูตอังกฤษ กล่าวเสริมว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศจะออกกฎหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 78% ภายในปี 2578 เมื่อเทียบกับปี 2533 นับเป็นหนึ่งในเป้าด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ท้าทายที่สุดในโลกขณะนี้

ประเทศอื่นอีกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น จีนและเกาหลีใต้ได้ประกาศความมุ่งมั่นด้านสภาพภูมิอากาศที่ท้าทายยิ่งขึ้น หรือมีแผนเพิ่มเป้า NDC ก่อนถึงการประชุม COP26 เช่นกัน เป้าหมายใหม่ที่นานาชาติประกาศนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าขณะนี้ประเทศต่าง ๆ ที่มีมูลค่าเศรษฐกิจรวมเป็นครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจโลกได้ประกาศความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกเพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเกิน1.5 องศาเซลเซียส 

นอกจากนี้ปัจจุบันประเทศกลุ่มจี7 ทุกประเทศต่างมีเป้า NDC ที่เพียงพอให้แต่ละประเทศมุ่งไปสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ภายในปี 2593

แต่เรายังต้องการความพยายามมากยิ่งขึ้น คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change: IPCC)ได้เน้นย้ำว่า การจะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้พุ่งเกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้สำเร็จ จะต้องมาจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกให้ได้ 45-50% ภายในปี 2573 ดังนั้นสหรัฐ และอังกฤษ จึงขอให้ทุกประเทศกำหนดเป้า NDC ที่ท้าทายยิ่งขึ้นก่อนที่จะถึงการประชุม COP26 เพื่อช่วยให้เป้าจำกัดอุณหภูมิโลกเป็นไปตามแผน

161976285134

ขณะที่ นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช รองเลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การประชุมสุดยอดดังกล่าว นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยได้แถลงถึงความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับแรกของไทยและการใช้โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy) นับเป็นก้าวสำคัญของไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก่อนที่จะถึงการประชุม COP26

อังกฤษในฐานะประธานการประชุม COP26 พร้อมด้วยสหรัฐ และประเทศไทยหวังว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งของทุกประเทศทั่วโลกในการกำหนดเป้าหมายที่ท้าทายยิ่งขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก่อนถึงการประชุม COP26