ในหลวง-พระราชินี พระราชทานเครื่องเอกซเรย์ปอดผู้ป่วยโควิด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 เมษายน 2564 ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ได้จัดพิธีรับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์พระราชทาน เครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ระบบดิจิตอล พร้อมชุดประมวลผลภาพเอกซเรย์ Chest ด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค ในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นพ.วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ พร้อมด้วยข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ร่วมพิธีรับมอบอุปกรณ์ ตามมาตรการการปองกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ เปิดแผยว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้านพ้นแก่ชาวชียงใหม่ ที่ได้พระราชทานเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่มาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเชียงใหม่มีการระบาดในเรือนจำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันใช้รถโมบายในการเข้าไปคัดแยกผู้ป่วยจำนวน 1 เครื่อง จึงได้พระราชทานเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่เข้ามาช่วยเสริม เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าทีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ตัวนี้จะนำเข้าไปประจำการใช้งานในเรือนจำกลางเชียงใหม่

สำหรับเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ ที่ได้รับพระราชทาน เป็นระบบที่มีความทันสมัย ควบคุมการทำงานด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ สามารถอ่านฟิล์มเอกซเรย์ได้ทันที พร้อมทั้งมีระบบสื่อ สามารถส่งภาพเอกซเรย์เข้ามาให้รังสีแพทย์ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ประเมินอาการอีกครั้ง เพื่อให้การอ่านผลมีความแม่นยำมากขึ้น

ขณะนี้ จังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้มาตรการ Bubble & Seal เข้ามาดูแล ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ โดยมีการจำกัดการเคลื่อนย้าย แยกผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบางออกมาดูแลเฉพาะ โดยคาดว่าจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายใน 1 เดือน ทั้งนี้ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการแพร่ระบาดในเรือนจำจะไม่ขยายวงออกสู่ภายนอก เพระมีมาตรการในการควบคุมอย่างเข้มงวด สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ส่วนใหญ่ยังไม่มีอาการน่าเป็นห่วง ผู้ป่วยมีอาการปกติแข็งแรงดี อาการจัดอยู่ในระดับสีเขียว​

สำหรับเรื่องการลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนโควิด-19 ประชาชนสามารถลงทะเบียนได้หลายช่องทาง ทั้งในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม หรือหาไม่สะดวกสามารถขอความช่วยเหลือยังสถานพยาบาลใกล้บ้าน หรือให้มาลงทะเบียนที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ที่ได้เปิดจุดรับจองวัคซีน ซึ่งเป็นจุดเดียวกับจุดรับจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้โรงพยาบาลมีเวลาเตรียมตัวอีกประมาณ 1 เดือน

ขณะนี้ได้เตรียมหาสถานที่เพื่อใช้เป็นจุดฉีดวัคซีน เนื่องจาก โรงพยาบาลนครพิงค์รับเป้าหมายในการฉีดวัคซีนวันละ 1,000 คน จึงต้องเตรียมสถานที่รองรับคนจำนวนมาก เบื้องต้นประสานไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อขอใช้โรงยิมเนเซี่ยม 2 ภายในสนามกีฬา 700 ปี ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการประสานงาน ซึ่งจะทำให้มีพื้นที่ในการให้บริการให้มากขึ้น