ททท.ลุ้นครึ่งปีหลังท่องเที่ยวขยับ เดินหน้าแซนด์บ็อกซ์ภูเก็ต1ก.ค.
“ททท.” ชี้โรดแมพเปิดประเทศยังคงไทม์ไลน์เดิม ฝากความหวัง "ครึ่งปีหลัง" เตรียมพร้อมโครงการ "ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ดีเดย์ 1 ก.ค. รับทัวริสต์ฉีดวัคซีนครบเที่ยวไทยแบบไม่กักตัว “พิพัฒน์” เตรียมชง ศบศ.เพิ่ม 4 พื้นที่นำร่อง กรุงเทพฯ-หัวหิน-ชะอำ-บุรีรัมย์ ใน Q4
ดันรายได้รวมท่องเที่ยวปี 64 เข้าเป้า “8.5 แสนล้าน” หลังปรับลดจาก “1.2 ล้านล้าน”
แม้สถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศจะน่าเป็นห่วง แต่รัฐบาลยังคงยืนยันแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ฝากความหวังภาคท่องเที่ยวฟื้นเศรษฐกิจไทยในช่วง “ครึ่งปีหลัง” นำร่องด้วยโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ในไตรมาส 3 ซึ่งจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ เป็นแรงส่งไปยังไตรมาส 4 ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมเสนอศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) พิจารณาเพิ่มพื้นที่นำร่องให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเที่ยวไทยได้แบบไม่กักตัวอีก 4 พื้นที่ รวมเป็น 10 พื้นที่
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ยืนยันว่าแผนเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเป็นไปตามโรดแมพเดิมของรัฐบาล แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ต้องปรับแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาส 2 ตามคำสั่งของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งยกระดับการกักตัว ปรับจาก 7 วัน หรือ 10 วัน เป็น 14 วันสำหรับผู้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยทุกประเภท
ต่างจากแนวทางเดิมที่ไตรมาส 2 นี้จะสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มฉีดวัคซีนครบแล้ว เดินทางมายังพื้นที่นำร่อง 6 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ โดยต้องเข้ากักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 7 คืน สามารถออกนอกห้องพักและไปทำกิจกรรมในเส้นทางที่กำหนด (Sealed Route) ได้ และภายหลังการกักตัว 7 คืน สามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ในไทยได้
- หวังทัวริสต์ต่างชาติฟื้นครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ช่วงไตรมาส 2 ยังไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งยกระดับเพิ่มจำนวนวันกักตัวของ ศบค.มากนัก เพราะเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเข้าไทยน้อย ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงรอรับการฉีดวัคซีนในประเทศตัวเอง ททท.จึงมองไปที่ไตรมาส 3 และ 4 มากกว่า เพื่อเดินหน้าตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้
สำหรับ ไตรมาส 3 เตรียมเดินหน้าโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ซึ่งกำหนดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วแบบไม่กักตัว วันที่ 1 ก.ค.นี้ บินตรงเข้าภูเก็ตและตรวจเชื้อเมื่อเดินทางมาถึง และต้องอยู่ในภูเก็ตหรือ Sealed Route อย่างน้อย 7 คืนก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งฉีดวัคซีนแก่คนในภูเก็ตให้ได้อย่างน้อย 70% ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
ส่วนอีก 5 พื้นที่ ได้แก่ กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ หากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วต้องการเดินทางไปยังพื้นที่เหล่านี้ ยังต้องกักตัวในโรงแรมเป็นเวลา 7 คืนหรืออยู่ท่องเที่ยวใน Sealed Route ก่อนออกเดินทางไปยังพื้นที่อื่นๆ
- ชงศบศ.เพิ่ม4พื้นที่นำร่องไตรมาส4
ขณะที่ไตรมาส 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วสามารถท่องเที่ยวในพื้นที่นำร่องทั้ง 6 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา เกาะสมุย ชลบุรี (พัทยา) และเชียงใหม่ แบบไม่กักตัว แต่ยังต้องอยู่ในพื้นที่นำร่องอย่างน้อย 7 คืนก่อนออกเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ ในไทย
ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) พิจารณาเพิ่มพื้นที่นำร่องในช่วงไตรมาส 4 อีก 4 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ หัวหิน ชะอำ และบุรีรัมย์ ซึ่งจะมีการจัดแข่งขันรายการโมโตจีพีปลายปี สอดรับกับที่รัฐบาลประกาศเร่งฉีดวัคซีนแก่คนไทยเพิ่มเป็น 100 ล้านโดส ครบ 50 ล้านคนภายในสิ้นปีนี้ ครอบคลุม 70% ของประชากร
“คาดว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะเสนอให้ ศบศ.พิจารณาเพิ่มพื้นที่นำร่องอีก 4 พื้นที่ใหม่ได้ต้นเดือน พ.ค.นี้ หากที่ประชุม ศบศ.เห็นชอบ จะทำให้มีพื้นที่นำร่องไตรมาส 4 เพิ่มเป็น 10 พื้นที่”
- รายได้เที่ยวไทยปีนี้ 8.5 แสนล้าน
อย่างไรก็ดี กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ปรับลดเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวปี 2564 ล่าสุดเมื่อ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา คาดมีรายได้รวมเหลือเพียง 8.5 แสนล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมตั้งไว้ที่ 1.2 ล้านล้านบาท หลังภาคท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ระลอก 2 เมื่อเดือน ม.ค. และระลอก 3 เดือน เม.ย.
การปรับลดเป้าหมายครั้งนี้ แบ่งออกเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดิมตั้งเป้าหมายมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 6.5 ล้านคน ลดเหลือ 3-4 ล้านคน สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท ส่วนตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศ เดิมคาดนักท่องเที่ยวคนไทยตลอดปีนี้ไว้ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง ลดลงเหลือ 100-120 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 5.5 แสนล้านบาท
- เปิดประเทศเต็มทุกพื้นที่ ม.ค.65
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวต่อว่า ไทม์ไลน์การเปิดประเทศเต็มทุกพื้นที่แบบไม่กักตัวตั้งแต่เดือน ม.ค.2565 เป็นต้นไป ถือเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยต่างคาดหวังว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนเผชิญวิกฤติโควิด-19 อย่างไรก็ตามยังขึ้นกับปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น สถานการณ์วัคซีนและอื่นๆ
ส่วนเป้าหมายการสร้างรายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปี 2565 ยังคงเป้าเดิมที่ 2.5 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 20.8 ล้านคน สร้างรายได้ 1.3 ล้านล้านบาท ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวไทยที่ 180 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้ 1.2 ล้านล้านบาท
- วอนรัฐเร่งเยียวยาธุรกิจโรงแรม
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ผู้ประกอบการโรงแรมรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในส่วนของภาครัฐจำเป็นต้องออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยา 3 แนวทางเร่งด่วน 1.สนับสนุนค่าจ้างพนักงาน เพื่อไม่ให้มีการลดพนักงานหรือเลิกจ้างซ้ำเติมเศรษฐกิจ 2.การพักชำระหนี้เงินต้นหรือดอกเบี้ย และ 3.มาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว
“รัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนมาฉีดให้คนไทยตามแผนให้ได้เร็วที่สุด เพราะวัคซีนคือความหวังเดียวที่จะทำให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้ และทำให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย เป็นตัวช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมอยู่รอดต่อไปได้ ยังมีลมหายใจ ไม่เกิดการเลิกจ้างงานอีกระลอกใหญ่เหมือนที่ผ่านมา”
- หวั่น “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ดีเลย์
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมของไทยแอร์เอเชียเพื่อรองรับการเปิดประเทศ จำเป็นต้องทำให้ไทยแอร์เอเชียกลับมาทำการบินได้อย่างแข็งแรงอีกครั้ง ด้วยการปรับโครงสร้างกิจการใหม่ โดยจะได้เงินทุนรวม 5,907 ล้านบาทเพื่อเติบโตในระยะยาว ซึ่งไทยแอร์เอเชียคาดว่าจะเริ่มทำการบินระหว่างประเทศได้ไตรมาส 1 หรือ 2 ของปี 2565 และกลับมาบินระหว่างประเทศเต็ม 100% ในปี 2566
นายธรรศพลฐ์ กล่าวด้วยว่า อยากเห็นโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เกิดขึ้นจริง ก.ค.นี้ แต่พิจารณาเหตุและผลแล้ว มองว่าอาจล่าช้าออกไปบ้าง เพราะยังไม่มีการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนภูเก็ตทั้งเกาะ มีเพียงคนทำงานด่านหน้าเท่านั้นที่ได้รับการฉีด แต่ถ้าโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เปิดได้ตามกำหนด ไทยแอร์เอเชียก็พร้อมให้บริการ ซึ่งในเดือน พ.ค.-มิ.ย. น่าจะมีการฉีดวัคซีนให้แก่พนักงานสายการบิน
“ส่วนการให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศ ภายใต้ข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ หรือ ทราเวลบับเบิล ยังต้องรอให้รัฐบาลไปเจรจากับประเทศเป้าหมายก่อน สายการบินยังไม่สามารถไปเจรจาเอง แต่เรามีความพร้อม อยากให้บินไปที่ไหนบินได้หมด อย่างเช่น เปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์บินเชื่อมเมืองในประเทศเป้าหมาย เราก็ยินดีและพร้อมบินจากภูเก็ตไปยังเมืองนั้นๆ”