พัฒนา 'กัญชาพันธุ์ไทย' 4 สายพันธุ์

พัฒนา 'กัญชาพันธุ์ไทย' 4 สายพันธุ์

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ มทร.อีสาน วิทยาเขตสกลนคร และภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล พัฒนา "กัญชาพันธุ์ไทย" 4 พันธุ์ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร และภาควิชาพฤกษศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนา "กัญชาพันธุ์ไทย" 4 พันธุ์ คือ กัญชาพันธุ์หางกระรอกภูพานเอสที 1 กัญชาพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1 กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 และกัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1

การศึกษาในครั้งนี้ได้ทำการศึกษาครอบคลุมทั้งลักษณะทางด้านพฤกษศาสตร์ (phenotype) ด้านเคมี (chemical profile) และข้อมูลสารพันธุกรรม (genetic profile) ซึ่งพบว่ากัญชาไทยแต่ละพันธุ์มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้น ใบ ช่อดอก และกลิ่นมีความแตกต่างกัน

กัญชาพันธุ์หางกระรอกภูพานเอสที 1 มีลักษณะของช่อดอกเป็นพวงคล้ายหางกระรอก มีช่อดอกใหญ่ มีกลิ่นเฉพาะตัวหอมคล้ายมะม่วงสุก และไม่มีกลิ่นฉุน

กัญชาพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1 มีลักษณะของช่อดอกยาว เป็นพวงยาวคล้ายหางเสือ มีกลิ่นเฉพาะตัวหอม คล้ายเปลือกส้ม และมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย

กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 มีลักษณะของช่อดอกเป็นกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง มีช่อดอกจำนวนมาก มีทรงต้นที่เป็นพุ่ม และมีกลิ่นที่เฉพาะตัวหอมคล้ายเปลือกส้มผสมกลิ่นตะไคร้ มีกลิ่นฉุนน้อยกว่าพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1

กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1 มีช่อดอกจำนวนมากเช่นเดียวกับพันธุ์ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1 แต่มีลักษณะพิเศษที่แตกต่าง คือ มีสีแดงที่กิ่ง ก้าน และก้านใบ มีกลิ่นหอมหวานคล้ายกลิ่นผลไม้สุกไม่มีกลิ่นฉุน

  • วิเคราะห์สารพันธุกรรม "กัญชาพันธุ์ไทย"

นพ.ศุภกิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อเทียบข้อมูลทางด้านสารพันธุกรรมกับฐานข้อมูลของ"กัญชา"ทั่วโลก พบว่า "กัญชาพันธุ์ไทย"ทั้ง 4 พันธุ์ พบได้เฉพาะถิ่นเท่านั้น ไม่พบได้ทั่วไป และเป็นพันธุ์ที่หายาก ซึ่ง "กัญชาพันธุ์ไทย" มีสารสำคัญในสัดส่วนที่ต่างกัน จึงมีประโยชน์ต่อการบ่งใช้ในการรักษาโรคที่ต่างกันรวมถึงการได้สารสำคัญคงที่ในการปลูกทำให้ง่ายต่อการนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดย "กัญชา"ทั้งหมดที่กล่าวมาได้ทำการศึกษาทางด้านเคมีและ

ข้อมูลทางด้านสารพันธุกรรม พบว่า "กัญชาพันธุ์ไทย"มีลักษณะเด่นถึง 3 แบบ

แบบที่ 1 "กัญชา"ที่ให้สาร THC สูง หรือกัญชา type I ได้แก่ กัญชาพันธุ์หางเสือสกลนครทีที 1 และกัญชา พันธุ์ตะนาวศรีก้านขาวดับเบิลยูเอ 1

แบบที่ 2 "กัญชา"ที่ให้สาร THC และ CBD (THC : CBD = 1 : 1) ในสัดส่วนที่เท่ากัน หรือกัญชา type II ได้แก่ กัญชาพันธุ์หางกระรอกภูพานเอสที 1

แบบที่ 3 "กัญชา"ที่ให้สาร CBD สูง หรือกัญชา type III ได้แก่ กัญชาพันธุ์ตะนาวศรีก้านแดงอาร์ดี 1

ข่าวที่เกี่ยวข้องเตรียมลุย!'เส้นทางกัญชาทางการแพทย์'เพิ่มมูลค่า'ตลาดกัญชา'

                     'กัญชา' กิน ดื่ม อย่างไรให้ปลอดภัย

                     ชี้เป้า'เมนูกัญชา' สายเขียว รักสุขภาพต้องไม่พลาด

  • "กัญชาพันธุ์ไทย"ช่วยเกษตรกรแข่งขันในตลาดโลก

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่าการพัฒนา"กัญชาพันธุ์ไทย"มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ช่วยให้เกษตรกร ผู้ประกอบการมีศักยภาพในการพัฒนา"กัญชาพันธุ์ไทย" ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลก ลดการขาดดุลการค้ากับต่างประเทศได้ และขณะนี้อยู่ระหว่างขอรับรองพันธุ์พืชขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

นอกจากนี้ในปีงบประมาณ 2564 "กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์" โดย สถาบันวิจัยสมุนไพร ได้รับใบอนุญาตให้ทำการศึกษาวิจัยการปลูก "กัญชา" ซึ่งวัตถุดิบที่ได้ จะนำมาศึกษาวิจัยแบบครบวงจรทางด้านต่างๆ ได้แก่ พฤกษศาสตร์ พันธุศาสตร์ เคมี เอกลักษณ์ทางเภสัชเวท การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช

การเตรียมสารสกัดที่มีปริมาณสารสำคัญสูงและควบคุมคุณภาพสารสกัดให้ได้มาตรฐานสากล พิษวิทยาของ "กัญชา"ทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง เพื่อเป็นข้อมูลส่งเสริมการใช้ "กัญชา"และประเมินความปลอดภัยของ "กัญชา" เพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพจากสารสกัด "กัญชา"