ฮ่องกงสนใจเข้าร่วมอาร์เซ็ป
รมว.การค้าฮ่องเชิญ”จุรินทร์”ประชุมสุดยอด Belt and Road Summit ก.ย.นี้ พร้อม พร้อมดันส่งออกสินค้าเกษตร ข้าวผลไม้และธุรกิจบริการ ทั้งภาพยนตร์ แอนิเมชั่น
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับนายเอ็ดเวิร์ด เหยา (Mr. Edward Yau) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และการพัฒนาเศรษฐกิจฮ่องกง ร่วมหารือผ่านระบบ VDO Conference เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับฮ่องกง โดยทางฮ่องกงได้เชิญเชิญตนไปกล่าวปาฐกถาในงานการประชุมสุดยอด Belt and Road Summit ครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด “Driving Growth Through Fostering regional and International Trade” ระหว่างวันที่ 13 - 14 กันยายน 2564 ณ เมืองฮ่องกง โดยการประชุมดังกล่าวจะมีผู้บริหารระดับสูงของรัฐบาล ผู้นำภาคเอกชนจากทั่วโลกเข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมองหาโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน
พร้อมกันนี้ยังได้แจ้งว่าทางฮ่องกงสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาร์เซ็ปร่วมกับ 15 ประเทศ ซึ่งตนได้ชี้แจงถึงเงื่อนไขของการรับสมาชิกใหม่ของอาร์เซ็ป นั้นเริ่มต้นจากการให้อาร์เซ็ป มีผลบังคับใช้เสียก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่บังคับใช้อยู่ในขั้นตอนของการให้สัตยาบันของแต่ละประเทศ แต่ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าให้อาร์เซ็ป มีผลบังคับใช้โดยเร่งให้สัตยาบันให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และโดยข้อตกลงระบุว่าการรับสมาชิกใหม่จะต้องหลังจากบังคับใช้แล้ว 18 เดือน โดยสำหรับประเทศไทยยินดีต้อนรับฮ่องกง
นอกจากนี้ทางฮ่องกงก็สนใจที่จะทำความตกลงการค้าเสรีหรือเอฟทีเอกับไทย ซึ่งขณะนี้ไทยและฮ่องกงอยู่ระหว่างการศึกษา โดยทางกระทรวงพาณิชย์ให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษา คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ขณะที่ไทยต้องการส่งออกอาหารไปยังฮ่องกงเพราะถือว่าตลาดฮ่องกงเป็นตลาดที่มีการค้ากับประเทศไทยมายาวนานและเป็นมิตรประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแคลนอาหาร โดยอาหารไทยนอกจากมีคุณภาพแล้วยังมีความปลอดภัยสูงโดยเฉพาะกระบวนการผลิตนั้นปลอดโควิด 100% ในส่วนของความร่วมมือด้านธุรกิจแอนิเมชั่นและภาพยนตร์ จึงได้ขอให้มีความร่วมมือกันระหว่างไทยและฮ่องกงในการผลิตแอนิเมชั่นและผลิตภาพยนตร์เพื่อจำหน่ายยังต่างประเทศซึ่งทางนายเอ็ดเวิร์ด เหยาพร้อมที่จะสนับสนุนไทยในเรื่องนี้
ในด้านการท่องเที่ยวนั้น ได้ยืนยันว่าไทยพร้อมที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากฮ่องกง เพราะฮ่องกงถือเป็นตลาดท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดตลาดหนึ่งของประเทศไทย และยินดีต้อนรับผู้สูงอายุที่มาจะมาใช้ธุรกิจ Wellness หรือธุรกิจบริการด้านสุขภาพในประเทศไทยประเทศไทยมีความพร้อมเป็นอย่างสูงหลังหมดสถานการณ์โควิดไปแล้ว โดยได้เสนอว่าไทยกับฮ่องกงอาจสามารถร่วมมือกันทำการท่องเที่ยวในรูปแบบ Travel Bubble เช่นเดียวกับที่ฮ่องกงกำลังเจรจากับสิงคโปร์ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่ในขณะนี้ได้ในอนาคต
สำหรับฮ่องกงถือว่าเป็นคู่ค้าที่สำคัญลำดับที่ 8 ของประเทศไทย มีมูลค่าการค้ารวม 413,000 ล้านบาท โดยสินค้าที่ฮ่องกงนำเข้าจากประเทศไทยที่สำคัญและขยายตัวในอัตราสูงประกอบด้วย 1.เนื้อหมูหรือเนื้อสุกรแช่แข็ง ปีที่แล้วบวกถึง 345%มะม่วงสดบวกถึง 400% สบู่และเครื่องสำอางบวกถึง 216% เป็นต้น