เปิดพอร์ตขาใหญ่หมื่นล้าน 'ทวีฉัตร จุฬางกูร' กำไรหุ้น 70%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า "ทวีฉัตร จุฬางกูร" นักลงทุนหมื่นล้าน มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน 39 บริษัท มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 1.56 หมื่นล้านบาท (ณ วันที่ 7 พ.ค.2564) เติบโตราว 70% จากมูลค่าพอร์ตลงทุนเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 9.2 พันล้านบาท และเติบโตราว 38% จากมูลค่าพอร์ต ณ สิ้นปี 2563 ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท

โดยหุ้นที่ "ทวีฉัตร" ถือครองมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED) ถือครอง 24.99% จำนวน 97.95 ล้านหุ้น มูลค่าการลงทุน 187 ล้านบาท, บมจ.นวนคร (NNCL) 24.7% จำนวน 506 ล้านหุ้น มูลค่า 1.3 พันล้านบาท และ บมจ.พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ (PE) 24.5% จำนวน 196 ล้านหุ้น มูลค่า 5.8 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี หุ้นที่มีมูลค่าการลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ.ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) มูลค่า 3.09 พันล้านบาท จำนวน 1,394 ล้านหุ้น สัดส่วนถือครอง 22.09%, บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) มูลค่า 2.7 พันล้านบาท จำนวน 271 ล้านหุ้น ถือครอง 13.6% และ บมจ.จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) มูลค่า 2 พันล้านบาท จำนวน 134 ล้านหุ้น ถือครอง 14.9%

ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน พบว่า บมจ.เอ็มพีจี คอร์ปอเรชั่น (MPG) ให้กำไรสูงสุด 1,289% จาก 0.054 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 0.75 บาทต่อหุ้น ถัดมา บมจ.อกริเพียว โฮลดิ้งส์ (APURE) กำไร 238% จาก 1.28 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 4.9 บาทต่อหุ้น และ บมจ.กุลธรเคอร์บี้ (KKC) กำไร 200% จาก 0.41 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 1.23 บาทต่อหุ้น

แต่หากเทียบจาก ณ สิ้นปี 2563 พบว่า MPG ยังให้กำไรสูงสุดเป็นอันดับแรกเช่นกันที่ 477% จาก 0.13 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 0.75 บาทต่อหุ้น ถัดมา APURE ให้กำไร 129% จาก 2.14 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 4.9 บาทต่อหุ้น ขณะที่ AIRA ให้กำไรสูงสุดเป็นอันดับ 3 ประมาณ 118% จาก 1.02 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 2.22 บาทต่อหุ้น