บริษัทจดทะเบียนและ Whistleblower
ทำความรู้จักกลไก "Whistleblower" กฎบัตรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน หรือการแจ้งหรือชี้เบาะแสการทุจริต คืออะไร? และสำคัญต่อบริษัทจดทะเบียนในไทยอย่างไร? และปัจจุบันมีข้อกำหนดคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตหรือไม่?
ตามบทบัญญัติของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 ได้กำหนดหน้าที่ของกรรมการในการดำเนินกิจการของบริษัทไว้ค่อนข้างเข้มงวด ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 85 ถึงมาตรา 95 ที่สำคัญคือตามมาตรา 85 กรรมการต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัท และมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัท ถ้ากรรมการคนใดไม่ทำหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ดังกล่าว แล้วทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท บริษัทเรียกค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการคนนั้นได้
แต่ถ้าเป็นบริษัทมหาชนจำกัดที่เริ่มจัดตั้งใหม่ และได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนหรือบุคคลใดตามมาตรา 32 หรือได้รับอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ตามมาตรา 33 หรือเป็นบริษัทจำกัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ได้รับการยกเว้นให้สามารถเสนอขายหุ้นในวงจำกัด ตามมาตรา 34 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ที่เรียกกันว่า “บริษัทจดทะเบียน” ต้องอยู่ในบังคับของหมวด 3/1 ส่วนที่ 2 หน้าที่และความรับผิดของกรรมการและผู้บริหารของกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วย
ที่สำคัญคือตามที่บัญญัติในมาตรา 89/7 ในการดำเนินกิจการของบริษัท กรรมการและผู้บริหารต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง ความซื่อสัตย์สุจริต รวมทั้งต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ ข้อบังคับของบริษัท และมติคณะกรรมการ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น และตามมาตรา 89/10 ในการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต กรรมการและผู้บริหารต้องกระทำการโดยสุจริตเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทเป็นสำคัญ กระทำการที่มีจุดมุ่งหมายโดยชอบและเหมาะสม และไม่กระทำการอันเป็นการขัดหรือแย้งกับประโยชน์ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
- การตรวจสอบการดำเนินการของกรรมการและผู้บริหารบริษัท
เนื่องด้วยบริษัทมหาชนจำกัดมีหน้าที่ตามกฎหมาย ต้องจัดให้มีการทำงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนสิ้นสุดรอบปีบัญชี หรือที่จัดทำขึ้นระหว่างกาล เพื่อเสนอต่อที่ประชุมอนุมัติ ต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนนั้นให้เสร็จก่อนเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วย แล้วนำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้าภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
ส่วนกรณีที่เป็นบริษัทจดทะเบียนก็จะอยู่ในบังคับต้องจัดทำงบการเงินและรายงานเกี่ยวกับฐานะทางการเงิน ตามมาตรา 56 ของกฎหมายหลักทรัพย์ฯ ที่สำคัญคือ งบการเงินรายไตรมาสที่ผู้สอบบัญชีได้สอบทานแล้ว และต้องส่งต่อตลาดหลักทรัพย์ภายใน 45 วันนับแต่วันสุดท้ายของแต่ละไตรมาส
ดังนั้น ขั้นตอนสำคัญที่จะตรวจสอบการดำเนินการของกรรมการและผู้บริหาร ว่าปฏิบัติหน้าที่เป็นไปตามที่กำหนดในกฎหมายหรือไม่ นอกเหนือขั้นตอนการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบภายใน หรือกรรมการตรวจสอบซึ่งเป็นกรรมการอิสระ คือขั้นตอนการการตรวจสอบงบการเงินของผู้สอบบัญชีว่าธุรกรรมต่างๆ ของบริษัทจากการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและผู้บริหารมีความผิดปกติ หรือมีข้อน่าสงสัยส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ ถ้าพบว่ามีความผิดปกติก็สามารถสอบถามให้ฝ่ายบริหารชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม หรือทักท้วงทัดทานได้
แต่การปฏิบัติหน้าที่ของผู้สอบบัญชีก็อาจมีข้อจำกัด จากการที่ฝ่ายบริหารไม่ให้ความร่วมมือ ไม่ชี้แจงความจริง ปกปิดข้อมูล หรือกีดกันไม่ให้เข้าถึงข้อมูล ซึ่งผู้สอบบัญชีก็คงทำได้เพียงให้ความเห็นในรายงานประกอบงบการเงินแบบมีเงื่อนไข หรืองบการเงินไม่ถูกต้อง หรือไม่แสดงความเห็น
- "Whistleblower"
Whistleblower เป็นวลีที่มีรากฐานจากการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการในการแข่งขันกีฬาบางประเภท ที่เป่านกหวีดเพื่อชี้ว่ามีการทำผิดกติกาหรือทำฟาวล์ และเป็นที่ยอมรับกันในหลายประเทศว่าเป็นหน้าที่ของบุคคลในองค์กรหรือในสังคม ที่มีหน้าที่เป่านกหวีด ชี้ให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย ฉ้อฉลและโกงกันในองค์กรหรือในสังคมนั้น ประเทศที่สนับสนุนกลไกนี้จะมีการตรากฎหมายออกมาคุ้มครอง Whistleblower ด้วย เช่นสหรัฐ สหภาพยุโรป
- กลไก "whistleblower" ในไทย
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่ต้องยึดหลักการดำเนินกิจการตามหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) รวมทั้งต้องมีนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันด้วย ต่างก็จะตรากฎบัตรธรรมาภิบาลตามแนวทางของ ก.ล.ต. ขึ้นใช้บังคับในบริษัทของตนเอง และจะกำหนดนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอาจออกเป็นรูปของระเบียบ หรือประกาศ หรือกฎบัตรของบริษัท ซึ่งจะมีการยอมรับกลไก Whistleblower ไว้ในประกาศ ระเบียบ หรือกฎบัตรการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เรียกว่าการแจ้งหรือชี้เบาะแสการทุจริต โดยจะมีข้อกำหนดคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตด้วย แต่จะจริงจังแค่ไหนขึ้นอยู่กับเจตนาของกรรมการบริษัทและผู้บริหาร
- กฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส
ไทยยังไม่มีการตรากฎหมายคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตออกมาใช้บังคับเป็นการเฉพาะในลักษณะเป็นกฎหมายกลาง แต่มีบทบัญญัติคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตอยู่ใน พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พ.ศ.2535 มาตรา 89/2 ที่บัญญัติว่า
“ห้ามมิให้บริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทกระทำการใดอันเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อพนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นใดที่รับจ้างทำงานให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทที่ออกหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะโดยการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งงาน ลักษณะงาน หรือสถานที่ทำงาน สั่งพักงาน ข่มขู่ รบกวนการปฏิบัติงาน เลิกจ้าง หรือกระทำการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบุคคลดังกล่าว ด้วยเหตุที่บุคคลนั้น
(1) ให้ข้อมูล ให้ความร่วมมือ หรือให้ความช่วยเหลือไม่ว่าด้วยประการใดๆ แก่คณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน หรือสำนักงาน อันเกี่ยวข้องกับกรณีที่พนักงาน ลูกจ้างหรือบุคคลอื่นใดนั้นเชื่อหรือมีเหตุอันควรเชื่อโดยสุจริตว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
(2) ให้ถ้อยคำ ยื่นเอกสารหลักฐาน หรือให้ความช่วยเหลือไม่ว่าด้วยประการใดๆ แก่คณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน หรือสำนักงาน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณา หรือตรวจสอบกรณีที่มีเหตุสงสัยว่ามีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ไม่ว่าจะกระทำไปโดยที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. คณะกรรมการกำกับตลาดทุน หรือสำนักงานมีคำสั่งให้ปฏิบัติหรือไม่”
นับตั้งแต่มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ พ.ศ.2535 เพิ่มเติมมาตรา 89/2 ดังกล่าว ตั้งแต่ปี 2551 ไม่ปรากฏข้อมูลจาก ก.ล.ต.ว่ามีการแจ้งเบาะแสการทุจริตและมีการบังคับใช้มาตรา 89/2 กับบริษัทที่ฝ่าฝืน อย่างไรหรือไม่