ท่อส่งน้ำมันโคโลเนียล 'สหรัฐ' กลับมาผลิตแล้ว หลังโดนแฮ็ก ปิด 4 วัน
ท่อส่งน้ำมันโคโลเนียล "สหรัฐ" กลับมาเดินเครื่องผลิตแล้วบางส่วน หลังโดนโจมตีไซเบอร์ ต้องหยุดการผลิตไป 4 วัน
บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้บริหารท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่สุดในสหรัฐ เปิดเผยว่า การดำเนินงานของท่อส่งน้ำมันส่วนใหญ่ซึ่งต้องปิดทำการในช่วงก่อนหน้านี้เนื่องจากถูกโจมตีทางไซเบอร์นั้น ขณะนี้ได้เริ่มกลับมาดำเนินงานได้บางส่วนแล้ว
“เราขอรายงานให้ทราบว่า ท่อส่งน้ำมัน Line 4 ซึ่งลำเลียงน้ำมันจากเมืองกรีนส์โบโรของรัฐนอร์ธแคโรไลนาไปยังเมืองวู้ดไบน์ของรัฐแมรีแลนด์นั้น ได้กลับมาดำเนินการภายใต้การควบคุมแบบต้องใช้คนและมีการควบคุมเวลาการดำเนินงาน” โคโลเนียล ไปป์ไลน์ระบุ
ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทเปิดเผยว่า ท่อส่งน้ำมันหลักยังคงปิดการดำเนินงาน ขณะที่ท่อส่งน้ำมันขนาดเล็กที่เชื่อมระหว่างสถานีขนส่งและจุดถ่ายน้ำมันในหลายพื้นที่นั้น ยังคงเปิดดำเนินการ
แถลงการณ์ล่าสุดของโคโลเนียล ไปป์ไลน์ระบุว่า ทางบริษัทมีเป้าหมายที่จะกลับมาให้บริการอีกครั้งภายในปลายสัปดาห์นี้
โคโลเนียล ไปป์ไลน์ได้ระงับการขนส่งน้ำมันทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากถูกโจมตีด้วย ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่
คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐเตรียมใช้มาตรการเพิ่มเติมในการรับมือกับเหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยปธน.ไบเดนเปิดเผยที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า "กระทรวงพลังงานสหรัฐกำลังประสานงานโดยตรงกับบริษัทโคโลเนียล เพื่อให้ท่อส่งน้ำมันต่างๆ สามารถกลับมาดำเนินงานได้อย่างเต็มรูปแบบโดยเร็วและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ได้ระบุอย่างชัดเจนแล้วว่า เครือข่ายท่อส่งน้ำมันของโคโลเนียลถูกโจมตีด้วย ransomware และแน่นอนว่านั่นคือการอาชญากรรม เราเตรียมใช้มาตรการเพิ่มเติม โดยจะขึ้นอยู่กับว่าทางบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ จะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เต็มศักยภาพได้รวดเร็วเพียงใด คณะบริหารของผมจะติดตามความเคลื่อนไหวของเหตุการณ์โจมตีด้วย ransomware ทั่วโลกของเหล่าอาชญากรข้ามชาติที่มักจะใช้เครือข่ายการฟอกเงินทั่วโลกเหล่านี้ในการก่อเหตุ” ปธน.ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ท่อส่งน้ำมันโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณ 2.5 ล้านบาร์เรล/วัน หรือคิดเป็น 45% ของปริมาณการใช้น้ำมันดีเซล, น้ำมันเบนซิน และเชื้อเพลิงอากาศยานในฝั่งตะวันออกของสหรัฐ
ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเป็นฝีมือของกลุ่มอาชญากรที่มีชื่อว่า ดาร์กไซด์ (DarkSide) ซึ่งจะปฏิบัติการเลียนแบบตัวละครโรบินฮู้ดด้วยการขโมยเงินจากบริษัทต่างๆ และแบ่งให้กับองค์กรการกุศล โดยกลุ่มดาร์กไซด์เป็นหนึ่งในอาชญากรที่เชี่ยวชาญในการใช้ ransomware หรือมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ซึ่งเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีชาติตะวันตก รวมมูลค่าความเสียหายหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา