ททท.จ่อโหมโปรฯแรง แจกตั๋วบินทั่วไทย‘แสนใบ’จูงใจต่างชาติ
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ลุกลามเป็นวงกว้าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการท่องเที่ยวหรือ “เอเย่นต์ทัวร์” ในต่างประเทศ พบว่าไม่ได้กังวลกับสถานการณ์การระบาดในไทยขณะนี้มากนัก
เพราะเทียบประเทศอื่นถือว่าค่อนข้างน้อย! แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมในทุกมิติ
ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า อาจเป็นเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ระดับ 1,000-2,000 คน ในสายตาชาวไทยอาจมองว่าติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ถือว่าไม่มาก ทำให้ข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในไทยไม่ได้อยู่ในความสำคัญอันดับต้นๆ ของการรายงานข่าวของสื่อต่างประเทศ เทียบการนำเสนอข่าวการระบาดในอินเดีย
“สิ่งที่เอเย่นต์ทัวร์ในต่างประเทศกังวลมากกว่าคือรัฐบาลไทยจะเปลี่ยนใจไม่เปิดประเทศตามโรดแมพที่วางไว้ โดยเฉพาะโปรเจคนำร่อง ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางเข้ามาเที่ยวภูเก็ตและเส้นทางท่องเที่ยวที่กำหนด (Sealed Route) แบบไม่กักตัวอย่างน้อย 7 คืนก่อนออกเดินทางไปพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย ตามกำหนดจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.2564 โดยนโยบายของรัฐบาลยังคงยืนยันเดินหน้าเปิดประเทศเช่นเดิม”
รวมทั้งยังต้องลุ้นเรื่องการจัดหาและฉีดวัคซีนให้คนในพื้นที่ภูเก็ตให้ได้ตามเป้าหมาย 9.3 แสนโดส ภายในเดือน มิ.ย. โดยจะกระจายวัคซีนได้ตามแผนที่วางไว้หรือไม่นั้น ต้องเอาใจช่วยลึกๆ เพราะจากจำนวนวัคซีนที่ทางภูเก็ตต้องการนั้น แม้จะผ่านความเห็นชอบจากการประชุมที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เกิดคลัสเตอร์ใหม่ระบาดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ฉะนั้นต้องดูว่านโยบายการกระจายวัคซีนจะส่งผลกระทบต่อการเปิดประเทศนำร่องด้วยโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์หรือไม่?!!
“ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ตั้งเป้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าภูเก็ตในไตรมาสที่ 3 ตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.นี้ จำนวน 1.29 แสนคน คาดเป็นลูกค้าเก่าที่รักและอยากมาเที่ยวไทยอยู่แล้ว ทั้งยังมีกำลังซื้อสูง จึงมีการจัดทำแพ็คเกจทัวร์ระยะเวลา 7 คืนเสนอขายในราคา 1.5-2.2 แสนบาทต่อคน สูงกว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทยจากปกติเฉลี่ย 5 หมื่นบาทต่อคนต่อทริป”
ททท.ยังได้หารือกับ “สายการบิน” เพื่อเตรียมออกโปรโมชั่นร่วมกัน ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวพื้นที่อื่นๆ ในไทยต่อช่วงไตรมาส 3 หลังจากอยู่ท่องเที่ยวในภูเก็ตครบ 7 คืนแล้ว โดยอาจจะ “แจกตั๋วขาเดียว” หรือสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินขาเดียวออกจากภูเก็ต เที่ยวบินละ 1,000-2,000 บาท จำนวน “1 แสนใบ” เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเป็นไปตามเป้าหมาย 1.29 แสนคนในไตรมาสหน้าและกระจายการท่องเที่ยวไปยังเมืองอื่นๆ ด้วย
ส่วนประเทศเป้าหมายที่คาดว่าน่าจะเดินทางเข้ามาไทยช่วงไตรมาส 3 ยังคงเป็น “ยุโรป” เพราะมีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ซึ่งเตรียมประกาศอนุญาตให้คนออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.นี้ แต่ยังต้องติดตามว่าจะประกาศคำแนะนำการเดินทาง ระบุรายชื่อเลี่ยงประเทศที่ไม่ควรไป โดยจัดอันดับความปลอดภัยของแต่ละประเทศด้วยสัญลักษณ์สีแดง สีเหลือง และสีเขียว พิจารณาจากยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันและปริมาณผู้ได้รับวัคซีนเทียบกับจำนวนประชากรของประเทศ
“ในเมื่อเรากำลังจะเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ขอให้พิจารณาเฉพาะตัวเลขในภูเก็ตเป็นหลัก เหมือนในอดีตตอนที่มีเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถไปเชียงใหม่ ภูเก็ต หรือที่อื่นๆ ได้ ททท.จึงพยายามให้สำนักงานลอนดอนสื่อสารไปว่าขอให้ดูเป็นรายพื้นที่แทน”
นอกจากนี้ได้หารือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กรณีมีจำนวนเที่ยวบินตรงจากต่างประเทศเข้าภูเก็ตไม่เพียงพอสำหรับการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเป้าหมายในไตรมาส 3 ทอท.จะจัดเทอร์มินอลแยกให้บริเวณโซน E9 เพื่อรองรับผู้โดยสารต่างชาติเปลี่ยนเที่ยวบินไปภูเก็ต ซึ่งจะไม่ปะปนกับผู้โดยสารอื่นๆ
สำหรับไตรมาส 4 คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วจะเดินทางเที่ยวไทยแบบไม่กักตัวมากขึ้นสู่พื้นที่นำร่อง 10 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี (สมุย-พะงัน-เต่า) ชลบุรี (พัทยา) เชียงใหม่ รวมถึง 4 พื้นที่ใหม่อย่างกรุงเทพฯ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และบุรีรัมย์ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ทาง ททท.พร้อมดำเนินแผนการทำตลาดในลักษณะเดียวกับภูเก็ต เพื่อผลักดันจำนวนเป้าหมายต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้ให้ได้ 3-4 ล้านคน สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท
ประเทศไทยยังมีเสน่ห์และมีแรงดึงดูดมากพอในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศจึงมุ่งเน้นแผนการพัฒนาด้านซัพพลาย แผนการกระจายวัคซีน และแผนการทำตลาด