สิงคโปร์-จีนให้สัตยาบัน อาร์เซ็ปแล้ว

สิงคโปร์-จีนให้สัตยาบัน อาร์เซ็ปแล้ว

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผย สิงคโปร์และจีน ยื่นให้สัตยาบันอาร์เซ็ปแล้ว สมาชิกอื่นกำลังดำเนินกระบวนการภายใน ส่วนไทย 3 หน่วยงานกำลังออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ค.ตั้งเป้ามีผลบังคับใช้ได้ทันภายในปีนี้ ชี้ไทยจะได้ประโยชนเพียบ

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากที่สมาชิกความ ตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคหรืออาร์เซ็ป (RCEP) 15 ประเทศ ซึ่งประกอบด้วยอาเซียน 10 ประเทศ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ได้ร่วมลงนามความตกลงอาร์เซ็ปไปเมื่อวันที่ 15 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา ล่าสุด สิงคโปร์ และจีน ได้ยื่นให้สัตยาบันความตกลงอาร์เซ็ป ต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนแล้ว ส่วนประเทศสมาชิกที่เหลือ รวมทั้งไทย กำลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินกระบวนการภายในเพื่อให้สัตยาบันความตกลง

ทั้งนี้ เมื่อสมาชิกอาเซียนจำนวนอย่างน้อย 6 ประเทศ และสมาชิกนอกอาเซียนอย่างน้อย 3 ประเทศ ได้ให้สัตยาบันความตกลงอาร์เซ็ป ครบแล้ว ก็จะส่งผลให้ความตกลงมีผลใช้บังคับหลังจากนั้น 60 วันทันที ซึ่งสมาชิกได้ตั้งเป้าว่า จะต้องดำเนินการให้ทันภายในสิ้นปีนี้

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินการของไทย หลังจากที่รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบผลการเจรจาความตกลงอาร์เซ็ป ไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 ก.พ.2564 ขณะนี้ 3 หน่วยงานของไทยกำลังอยู่ระหว่างออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร อยู่ระหว่างออกประกาศกระทรวงการคลังเรื่องอัตราภาษีศุลกากรที่จะเก็บกับสมาชิกอาร์เซ็ป กรมการค้าต่างประเทศ อยู่ระหว่างปรับระบบการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้ความตกลงอาร์เซ็ป และสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างออกประกาศเรื่องเงื่อนไขการนำเข้าชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้ความตกลงอาร์เซ็ป ซึ่งเมื่อทั้ง 3 หน่วยงานดำเนินการเสร็จแล้ว ไทยก็จะสามารถยื่นให้สัตยาบันต่อสำนักเลขาธิการอาเซียนได้ทันที คาดว่าน่าจะภายในเดือนต.ค.2564

162098321036

นางอรมน กล่าวว่า สำหรับประโยชน์ของความตกลงอาร์เซ็ปที่มีต่อการส่งออกของไทย ที่เห็นได้ชัดเจน จะเป็นเรื่องที่เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน ลดหรือยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกของไทยหลายรายการเพิ่มเติมจากที่เก็บกับไทยในปัจจุบัน และเพิ่มเติมจากเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่แล้วกับประเทศเหล่านี้

ยกตัวอย่างเช่น เกาหลีใต้ ลดภาษีศุลกากรให้กับผลไม้สดหรือแห้ง เช่น มังคุด ทุเรียน ผลไม้และลูกนัตอื่นๆ แช่แข็งของไทย จาก 8-45% เหลือ 0% ภายใน 10-15 ปี น้ำสับปะรด จาก 50% เหลือ 0% ภายใน 10 ปี สินค้าประมง เช่น ปลาสดแช่เย็น แช่แข็ง ปลา กุ้งแห้ง ใส่เกลือหรือแช่น้ำเกลือ จาก 10-35% เหลือ 0% ภายใน 15 ปี

ญี่ปุ่น ลดภาษีศุลกากรให้ผักปรุงแต่ง เช่น มะเขือเทศ ถั่วบีน หน่อไม้ฝรั่ง ผงกระเทียม ของไทย จาก 9-17% เหลือ 0% ภายใน 16 ปี สับปะรดแช่แข็ง จาก 23.8% เหลือ 0% ภายใน 16 ปี กาแฟคั่ว จาก 12% เหลือ 0% ภายใน 16 ปี

จีน ลดภาษีศุลกากรให้สับปะรดปรุงแต่ง น้ำสับปะรด น้ำมะพร้าว ยางสังเคราะห์ ของไทย จาก 7.5-15% เหลือ 0% ภายใน 20 ปี ชิ้นส่วนยานยนต์ เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับให้แสงสว่างหรือให้สัญญาณ ที่ปรับกระจกในรถยนต์ ลวดและเคเบิ้ลสำหรับชุดสายไฟที่ใช้ในรถยนต์ของไทย จาก 10% เหลือ 0% ภายใน 10 ปี เป็นต้น 

นอกจากนี้ สมาชิก อาร์เซ็ป  ยังได้เริ่มประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมในการกำกับดูแลและบังคับใช้ความตกลงอาร์เซ็ป ซึ่งครอบคลุมเรื่องสำคัญ เช่น กระบวนการเปิดรับสมาชิกใหม่ โครงสร้างสำนักงานเลขาธิการ อาร์เซ็ป  และความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) สามารถใช้ประโยชน์จากความตกลง อาร์เซ็ป  ได้อย่างเต็มที่  

ในปี 2563 ไทยมีมูลค่าการค้ากับสมาชิก อาร์เซ็ป ประมาณ 7.87 ล้านล้านบาท หรือ 57.5% ของการค้ารวมของไทย เป็นการส่งออกประมาณ 3.83 ล้านล้านบาท คิดเป็น 53.3% ของการส่งออกไทยไปโลก โดยมีอาเซียน จีน และญี่ปุ่น เป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลไม้สด แช่เย็นและแช่แข็ง เป็นต้น