‘CK-STEC’ วิ่งรับข่าวดี คว้างานรถไฟฟ้าทางคู่2สัญญา
ช่วงนี้ “หุ้นรับเหมาก่อสร้าง” กลับมาคึกคักอีกครั้ง ราคาติดสปีดวิ่งแรงตามกันมาติดๆ ชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร หลังประกาศงบฯ โค้งแรกออกมาสวย หลายตัวพลิกกลับมามีกำไร ช่วยจุดพลุราคาหุ้นรอบใหม่
นอกจากนิ้ ยังมีสัญญาณบวกจากการเดินหน้าเปิดประมูลงานของภาครัฐ ประเดิมด้วยโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ 2 เส้นทางใหม่ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มูลค่ารวมกว่า 1.2 แสนล้านบาท
โดยนำร่องเปิดประกวดราคาไปแล้ว 1 เส้นทาง เมื่อวันที่ 18-19 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้แก่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 323 กิโลเมตร (กม.) วงเงินประมาณ 7.29 หมื่นล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 สัญญา ปรากฏว่าขาใหญ่แบ่งเค้กกันไป 2 กลุ่ม หลังยื่นเสนอราคาต่ำที่สุด
สัญญาที่ 1 ช่วงเด่นชัย-งาว ระยะทาง 104 กม. มีเอกชนยื่นซองประมูล 2 ราย จากผู้ซื้อซองทั้งหมด 17 ราย โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า ITD-NWR ซึ่งประกอบด้วย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD และ บริษัท เนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด (มหาชน) หรือ NWR เสนอราคาต่ำสุด 26,568 ล้านบาท จากราคากลาง 26,599 ล้านบาท
ส่วนสัญญาที่ 2 และ สัญญาที่ 3 ตกเป็นของกลุ่มกิจการร่วมค้า CKST JOINT VENTURE ซึ่งเป็นการจับมือร่วมกันระหว่างบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC
โดยสัญญาที่ 2 ช่วงงาว-เชียงราย ระยะทาง 135 กม. ทางกลุ่ม CKST JOINT VENTURE เสนอราคาต่ำสุด 26,900 ล้านบาท จากราคากลาง 26,913 ล้านบาท และ สัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย-เชียงของ ระยะทาง 84 กม. เสนอราคาต่ำสุดที่ 19,390 ล้านบาท จากราคากลาง 19,406 ล้านบาท
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ทางคณะกรรมการคัดเลือกจะมีการพิจารณาคุณสมบัติทั้งด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านราคา คาดประกาศผลผู้ชนะอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 ก.ค. นี้ ซึ่งดูแล้วคงไม่น่ามีอะไรพลิกโผ
ส่วนอีกเส้นทาง สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงินก่อสร้าง 5.46 หมื่นล้านบาท จะเปิดให้ยื่นข้อเสนอราคาในวันที่ 25 พ.ค. นี้ โดยแบ่งออกเป็น 2 สัญญา ได้แก่ ช่วงบ้านไผ่-หนองพอก ระยะทาง 180 กม. วงเงิน 2.71 หมื่นล้านบาท และช่วงหนองพอก-สะพานมิตรภาพ 3 ระยะทาง 175 กม. วงเงิน 2.83 หมื่นล้านบาท
แน่นอนว่าเมื่อได้งานใหม่เข้ามาตุนในพอร์ตแบบนี้ ถือเป็นข่าวดีช่วยการันตีรายได้ แถมราคาประมูลทั้ง 3 สัญญา ยังต่ำกว่าราคากลาง จึงไม่ต้องมานั่งต่อรองกันอีก กลายเป็นอีกหนึ่งสตอรี่ช่วยดันราคาหุ้น
ถ้าดูในกระดานเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) ที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆ เห็นจะเป็น STEC ราคาพุ่ง 2.70% มาปิดที่ 15.20 บาท ระหว่างวันทำจุดสูงสุดที่ 15.50 บาท หลังบริษัทร่วมทุนคว้างานไปได้ 2 สัญญา ช่วยชดเชยความผิดหวังจากผลประกอบการที่ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาด
โดยไตรมาส 1 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 197 ล้านบาท ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 58% จากไตรมาสก่อน หลังงานก่อสร้างหลายโครงการเสร็จไปตั้งแต่ปีที่แล้ว อยู่ในช่วงเริ่มต้นงานใหม่ ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ส่วนพันธมิตรอย่าง CK บวกรับข่าวดีเช่นกัน ปิดที่ 19 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.15% เรียกว่าเป็นตัวเต็งมาตั้งแต่ต้น เพราะสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพราะมีงานอุโมงค์ค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นงานถนัดของ CK อยู่แล้ว
หันมาดู ITD ปิดลบสวนทางเพื่อนๆ ที่ 2.24 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 1.75% หลังวิ่งขึ้นมาเยอะ ปีนี้ราคาหุ้นขึ้นมาแล้วถึง 100% จากราคาปิดปีก่อนอยู่ที่ 1.11 บาท ท่ามกลางสัญญาณบวกจากงานใหม่ๆ ที่เข้ามาต่อเนื่อง ทั้งโครงการรถไฟไทย-จีน, งานโยธาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ช่วงสุวรรณภุมิ-อู่ตะเภา จนหนุนงานในมือ (Backlog) กลับมายืนทะลุ 1 แสนล้านบาท ได้อีกครั้ง
อีกหนึ่งตัวที่อยากให้จับตากันให้ดี คือ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานอุโมงค์โดยเฉพาะ แม้จะไม่ได้เข้าประมูลโดยตรง แต่มีโอกาสได้รับงาน subcontract จากบรรดาขาใหญ่
ดูแล้วปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของหุ้นรับเหมา จากงานประมูลภาครัฐที่กำลังทยอยออกมาและคาบเกี่ยวไปถึงปีหน้า คาดว่าถ้าสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น น่าจะได้เห็นงานประมูลใหม่ๆ ออกมาอีกหลายโครงการ
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นแต่ละตัวขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว จึงต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งติดตามสถานการณ์ราคาเหล็กที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนของผู้รับเหมา