เปิดงบ 3 บิ๊ก'หุ้นลิสซิ่ง'ไตรมาส1/64ใครปัง!สุด

เปิดงบ 3 บิ๊ก'หุ้นลิสซิ่ง'ไตรมาส1/64ใครปัง!สุด

เปิดงบการเงิน 3 บิ๊ก "หุ้นลีสซิ่ง" ในไตรมาส 1/64 “MTC” กำไรนำโด่งที่ 1,373.66 ล้านบาท รองมา "SAWAD" ที่1,360.95 ล้านบาทและ "TIDLOR" ที่ 783.34 ล้านบาท โบรกชี้ทิศทางสินเชื่อโตต่อเนื่องจากความต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้นช่วงโควิด คาดกำไรปีนี้โตเด่น

“หุ้นลีสซิ่ง” ยังคงเป็นหุ้นที่ฮอตฮิตของนักลงทุนมาตลอด ด้วยความเป็นธุรกิจการเงินที่มีโมเดลธุรกิจใกล้ตัวคนมาช้านาน ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คนยังมีความต้องการในการใช้เงินและยิ่งหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาหลังโควิด-19 คนยิ่งมีความต้องการใช้เงินไปอีก  และหนึ่งในทางเลือก คือ “การนำรถจักรยานยนต์มาจำนำทะเบียน” น่าจะช่วยหนุนการเติบโตของธุรกิจนี้อย่างต่อเนื่องในปีนี้    

ทั้งนี้ จากการรวบรวมข้อมูลในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ณ 20 พ.ค.2564 ของ  3 บิ๊กกลุ่ม “หุ้นลิสซิ่ง” ที่บริษัทมีกำไรแข็งแกร่งต่อเนื่อง  ได้แก่  บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD , บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC และ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด หรือ TIDLOR  เมื่อนำผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/64 มาเปรียบเทียบกันแล้ว  ดังนี้

ทางด้าน กำไรสุทธิ นำโดย MTC ที่ 1,373.66 ล้านบาท รองมา SAWAD ที่1,360.95 ล้านบาทและ TIDLOR ที่ 783.34 ล้านบาท

รายได้รวม นำโดย MTC ที่ 3,847.14 ล้านบาท รองมา TIDLOR ที่ 2,882.83 ล้านบาท และ SAWAD ที่ 2,806.08 ล้านบาท

สินทรัพย์รวม นำโดย MTC ที่ 79,742.45 ล้านบาท รองมา SAWAD ที่ 58,660.59 ล้านบาท และTIDLOR ที่ 55,838.88 ล้านบาท

หนี้สินรวม นำโดย MTC ที่ 57,684.52 ล้านบาท รองมา TIDLOR ที่ 43,306.55 ล้านบาท และ SAWAD ที่ 27,789.35 ล้านบาท

ส่วนของผู้ถือหุ้น นำโดย SAWAD ที่ 23,613 ล้านบาท รองมา MTC ที่ 22,057.93 ล้านบาท และ TIDLOR ที่ 12,532.32 ล้านบาท

P/E นำโดย TIDLOR ที่ 39.45 เท่า  รองมา  MTC ที่ 22.78 เท่า  และ SAWAD ที่ 20.66 เท่า

และอัตราส่วนเงินปันผล นำโดย SAWAD ที่  2.47% รองมา MTC ที่ 0.64% และ TIDLOR ยังไม่มีการจ่ายเงินปันผล

162166141113

ขณะเดียวกัน  “หุ้นลีสซิ่ง” มีโอกาสที่ “กำไร” จะเติบโตได้ต่อเนื่อง  ด้วยาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ ถือเป็นปัจจัยบวกให้แก่กลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคลโดยตรง เพื่อแก้ปัญหาการผ่อนชำระของกลุ่มลูกหนี้ที่ถูกปรับเข้าสู่ “หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้” หรือ NPL ซึ่งผู้ประกอบการตั้งสำรอง และหรือตัดบันทึกหนี้ดังกล่าวเป็น “ค่าใช้จ่าย” ไปแล้ว ดังนั้นเมื่อลูกหนี้กลุ่มนี้เริ่มผ่อนชำระจะบันทึกเป็น “กำไร” ทันที  

แต่ด้วยนโยบายค่อนข้างเชิงรุกของธนาคารออมสิน เรื่องหั่นดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนลงแตะ 13-14% ต่อปี จากปัจจุบันเฉลี่ยที่ 17-18%  แม้ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน แต่เมื่อมีกระแสข่าวออกมา ทำให้ราคาของ”หุ้นกลุ่มลีส” เคลื่อนไหวผันผวรและปรับตัวลดลงได้เช่นกัน

สำหรันแผนการดำเนินงานในปี 24564  รุ่นพี่อย่าง MTC” ที่โชว์ผลงานนิวไฮไม่หยุด คาดปรับเป้าสินเชื่อขึ้นปีนี้ จากเดิมคาดโต 20-25% หลังไตรมาส 1/64 สินเชื่อโตมากกว่า 17%  พร้อมเตรียมออกหุ้นกู้เดือนนี้ วงเงินไม่เกิน 4 พันล้านบาท เน้นขยายธุรกิจ

และ SAWAD แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดหวังเป้ารายได้และพอร์ตลูกหนี้เติบโต 20% รวมทั้งประมาณการว่ากำไรจะเติบโตอย่างน้อย 20% โดยปีนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์มีความพร้อมสูงในการแข่งขันทุกรูปแบบ 

ส่วนหุ้นน้องใหม่ในกลุ่ม อย่าง “TIDLOR  ตั้งเป้ารายได้ปี 2564-2566 มีรายได้เติบโตปีละ 15-20% มีสาขาเกิน 1,500 สาขา  

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า ราคาหุ้นปรับตัวลง 10%mtd ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 1.8%mtdเท่านั้น หากพิจารณาทางด้านพื้นฐาน MTC ถือว่ายังน่าสนใจจากทิศทางสินเชื่อจะเติบโตต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป (เติบโต Q/Q) จากการเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก โดยเป็นช่วงที่มีความต้องการใช้สินเชื่อมากขึ้น ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในอุตสาหกรรมฯ คาดกำไรสุทธิปี 2564 จะเพิ่มขึ้น 15.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 6 พันล้านบาท โดยแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 80 บาท

ขณะที่คาดกำไรสุทธิปี 2564 ของ  SAWAD จะเพิ่มขึ้น 23.0% จากการขยายสาขา และเน้นปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มากขึ้น ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 จะอ่อนตัวลงจากไตรมาส 1/64 จากแนวโน้มการตั้งสำรองหนี้ฯ เพิ่มขึ้นหักล้างส่วนแบ่งกำไรจาก บริษัทเงินสดทันใจ ที่เพิ่มขึ้นไปได้ทั้งหมด โดยแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 95 บาท

ทางด้านกำไรสุทธิไตรมาส 1/64 ของ TIDLOR เติบโตจากไตรมาส 4/63 จาก Credit cost ที่ลดลง และสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ คาดสินเชื่อจะยังขยายตัวต่อหนุนทิศทางกำโรสุทธิไตรมาส 2/64 ให้ดีขึ้น และคาดกำไรสุทธิปี 2564 จะเติบโตถึง 26% จากปีก่อน แต่ราคาหุ้นมี Upside จำกัด จึงแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 44 บาท

 

 

 

 




ด้านบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า ไตรมาส 1/64 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นและอุตสาหกรรมมีการแข่งขันด้านดอกเบี้ย แต่กำไรของ  MTC ยังเติบโตได้ 11% โดยแนวโน้มไตรมาส 2/64 จะเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดว่าจะดันความต้องการสินเชื่อ รวมถึงบริษัทเร่งปล่อยผลิตภันฑ์ใหม่อย่างสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซต์ ซึ่งช่วยดันยิลล์ให้เพิ่มขึ้นชดเชยการลดดอกเบี้ย จึงมีโอกาสที่กำไรไตรมาส 2/64 จะทำนิวไฮต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประเมิน Covid-19 กระทบกลุ่มลูกค้าน้อย ยังคุม NPL ต่ำกว่า 1% ได้ โดยราคาหุ้นที่อ่อนตัว เป็นโอกาสเข้า ซื้อลงทุน” ยังชอบหุ้น MTC ถือเป็นหุ้น growth Stock ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูงสุดและมี upside 36% สูงสุดในกลุ่มจำนำทะเบียนรถ