พื้นที่สีแดงโควิด ปทุมธานีติดเชื้อพุ่ง ยอดสะสมจ่อ 5,000 ลำลูกการะบาดหนัก
เช็คอัพเดท พื้นที่สีแดงโควิด ปทุมธานีติดเชื้อพุ่ง ยอดสะสมจ่อ 5,000 ราย ลำลูกการะบาดหนัก
รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดปทุมธานี พื้นที่สีแดงเข้ม ประจำวันที่ 5 มิถุนายน 2564 พบผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 76 ราย และผู้ติดเชื้อรายใหม่จากดำเนินงานเชิงรุก 335 ราย รวม 411 ราย ยอดสะสม 4,953 ราย
พบในบริษัทไทสัน อ.ลำลูกกา ซึ่งผู้ป่วยได้รับการรักษาทั้งหมดแล้ว และกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทั้งหมดได้ถูกกักตัวตามมาตรการควบคุมโรค แนวทางของกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 5 มิ.ย.64 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อป้องกันแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ณ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษ จังหวัดปทุมธานี อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี โดยมีว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว. ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตต์ หาญปริพรรณ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายมงคล ณ นคร ผู้อำนวยการทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี นายจักร ลิ่มบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอธัญบุรี และนางจุไร ยอดระบำ ผู้อำนวยการสถานกักขังจังหวัดปทุมธานี ร่วมงาน
ด้านนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ทางกรมราชทัณฑ์จะเร่งฉีดวัคซีนให้กับเรือนจำที่ปลอดเชื้อแต่อยู่ในพื้นที่สีแดง โดย จ.ปทุมธานี มีเรือนจำปลอดเชื้ออยู่ 4 แห่ง คือ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องขัง 2,225 คน เรือนจำจังหวัดปทุมธานี มีผู้ต้องขัง 1,720 คน เรือนจำอำเภอธัญบุรี มีผู้ต้องขัง 2,117 คน และทัณฑสถานกักขังจังหวัดปทุมธานี ผู้ต้องกักขัง 83 คน ซึ่งในวันนี้เราจะเร่งฉีดให้กลุ่มเปราะบาง คือ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวก่อน
โดยจะเร่งฉีดให้เสร็จภายใน 2-3 วัน ส่วนเรือนจำที่มีการติดเชื้ออีก 2 แห่ง เราจะยังไม่ฉีด ซึ่งการฉีดวัคซีนเราได้รับการสนับสนุนเจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลอำเภอธัญบุรี 10 คนในส่วนของผู้ต้องขังที่เป็นต่างด้าว ก็ต้องได้รับการฉีดวัคซีนด้วย ตามหลักสิทธิมนุษยชน เราจะปล่อยและละเลยพวกเขาไม่ได้ ซึ่งแม้ว่าพวกเขาไม่มีเลขบัตรประชาชนในการลงทะเบียน แต่ตรงนี้สามารถดำเนินการไปก่อนได้ แล้วค่อยมาลงทะเบียน เพราะอย่างไรพวกเขาก็มีชื่ออยู่ในเรือนจำซึ่งสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว
นอกจากนี้ ตนขอขอบคุณ แพทย์และพยาบาลที่มาช่วยงานในครั้งนี้ และขอให้ผู้ต้องขังทุกท่านร่วมมือในการฉีดวัคซีน ซึ่งการฉีดวัคซีนนั้นสามารถช่วยประหยัดงบประมาณมากกว่าการใช้ยารักษาโรคหลายเท่า นอกจากนี้ขอฝากให้ผู้ต้องขังทุกคนเมื่อพ้นโทษ ขอให้ทำอาชีพสุจริต โดยเรียนรู้การฝึกอาชีพจากในเรือนจำ นำสิ่งที่เหมาะสมกับเราไปประกอบอาชีพ และตนยังมีโครงการนิคมอุตสาหกรรมราชทัณฑ์ ซึ่งจะสามารถสร้างงานสร้างอาชีพให้ผู้พ้นโทษได้
เมื่อถามว่าสังคมยังมีความเข้าใจผิดว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับผู้ต้องขังมากกว่าประชาชนภายนอกในการจัดหาวัคซีน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรือนจำมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน จุดแข็งคือ เชื้อไม่สามารถหลุดออกไปแพร่ระบาดข้างนอกได้ แต่จุดอ่อนคือ เมื่อเชื้อเข้ามาจะแพร่ระบาดได้เร็วและป้องกันได้ยาก เพราะไม่มีมาตรฐานระยะห่าง 1.5-2 เมตรตามมาตรฐาน ภายในเรือนจำระยะห่างต่อคนแค่ 2-3 เซ็นติเมตรเท่านั้น
ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและเห็นด้วยกับการเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้ต้องขัง และเมื่อฉีดวัคซีนแล้วเราจะเกลี่ยย้ายผู้ต้องขังไม่ให้แออัดด้วย นอกจากนี้ในส่วนการปฏิบัติงานเราทำมาตรฐานสากลอย่างเคร่งครัด ทำตามหลักสิทธิมนุษยชน ยิ่งในช่วงการระบาดของโควิดเรายิ่งเข้มงวดกว่าเดิม