กลุ่มปูนซิเมนต์ เข้าร่วมโครงการ Made in Thailand รองรับเมกะโปรเจกต์ 4 แสนล้าน
สินค้าปูนซีเมนต์ร่วมการรับรอง Made in Thailand จับมือ SMEs สู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
รองรับ Mega Project เม็ดเงินกว่า 4 แสนล้านบาท เกิดการหมุนเวียนของรายได้ทั้งซัพพลายเชน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้การรับรองมาตรฐาน Made in Thailand สินค้าปูนซีเมนต์ สร้างแต้มต่อในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นโอกาสสำคัญของสินค้าในกลุ่มธุรกิจก่อสร้างทั้งซัพพลายเชน โดยเฉพาะปูนซีเมนต์ที่เป็นต้นน้ำของกลุ่มธุรกิจก่อสร้างอีกจำนวนมาก รวมไปถึง SMEs ที่จะได้รับประโยชน์ คาดรองรับ Mega Project ที่กำลังจะเกิดขึ้นมูลค่ากว่าสี่แสนล้านบาทในช่วงสองปีนี้ เบื้องต้น สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ส.อ.ท. สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย สมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เตรียมเข้ายื่นขอการรับรอง Made in Thailand จาก
สภาอุตสาหกรรมฯ แล้ว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พยายามสร้างโอกาสและแต้มต่อให้กับผู้ประกอบการในการเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐผ่านการรับรอง Made in Thailand โดยได้ร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศในการเดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสในการขายสินค้าให้กับภาครัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดการหมุนเวียนของเงินรายได้ให้กับธุรกิจในประเทศไทยจำนวนมหาศาล โดยเม็ดเงินนี้จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้ในสถานการณ์ COVID-19
นางพิมพ์ใจ ลี้อิสระนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและประธานสายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขอขอบคุณในความร่วมมือจากสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย และกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ส.อ.ท. สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย เป็นอย่างมากในการร่วมเข้าสู่ระบบรับรองครั้งนี้ ทำให้เป็นวัตถุดิบ Made in Thailand ตั้งต้นสำหรับขอรับรอง MiT ซึ่งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของผู้ประกอบการ Supply Chain และ SMEs อย่างเด่นชัด เปิดโอกาสให้เม็ดเงินจากภาครัฐกระจายสู่ SMEs ได้แน่นอนยิ่งขึ้น
โครงการ Mega Project ต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังทะยอยดำเนินการในช่วงปี 2564-2565 ล้วนมีความหมายต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ วงเงิน 85,345 ล้านบาท โครงการท่าเรือ แหลมฉบัง ขั้นที่ 3 วงเงินถึง 114,046 ล้านบาท และอีกหลายโครงการ เม็ดเงินจากโครงการเหล่านี้ จะกระจายสู่ผู้ประกอบการ Supply Chain และ SMEs ตลอดจนผู้ค้า ผู้ผลิตสินค้าสิ้นเปลืองในการก่อสร้าง หรือดำเนินโครงการในระหว่างพัฒนาโครงการอย่างชัดเจน
นายชนะ ภูมี ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ส.อ.ท. และนายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) กล่าวว่า “ปูนซีเมนต์เป็นสินค้าต้นน้ำของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างรวมถึงอุตสาหกรรมก่อสร้าง นโยบายส่งเสริมให้โครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐใช้สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ตอบโจทย์เศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รากฐานการผลิตของไทยมีความเข้มแข็งตลอด
ซัพพลายเชน ขับเคลื่อนส่งต่อกันตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำจนถึง SMEs วันนี้ “สินค้าปูนซีเมนต์” กว่า 160 รายการ ทยอยมาขึ้นทะเบียนสินค้าไทย FTI-Made in Thailand แล้ว โดยเฉพาะสินค้าปูนซีเมนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น “ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิก” มอก. 2594 ที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ผู้ผลิตปูนซีเมนต์ทุกรายยืนยันความพร้อมในการจัดส่งสินค้าปูนซีเมนต์ที่มีมาตรฐาน ได้รับการรับรอง FTI-Made in Thailand
เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เข้าสู่โครงการก่อสร้างของภาครัฐได้อย่างพอเพียง พร้อมทั้งขอเชิญชวนผู้ประกอบการตลอดซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมก่อสร้างเข้าร่วมการรับรองสินค้าไทย FTI-Made in Thailand สร้างโอกาสขยายตลาดเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ มีเม็ดเงินหมุนเวียน สามารถพลิกฟื้นจากผลกระทบของโควิด-19”
ดร. ณพพงศ์ ธีระวร ประธานกิตติมศักดิ์ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การจับมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อประโยชน์ต่อสมาชิกที่เป็นกลุ่มเครือข่ายธุรกิจปลายน้ำที่ต้องใช้ปูนซีเมนต์เป็นวัตถุดิบต้นน้ำ อาทิ ผู้รับเหมา คอนกรีต โดยสมาพันธ์ฯ จะเชื่อมผู้ประกอบการรายเล็กในต่างจังหวัดให้สามารถเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐได้ ก่อเกิดรายได้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากไปพร้อมกับอุตสาหกรรมรายใหญ่
น.อ.รศ.ดร.ธนากร พีระพันธุ์ นายกสมาคมคอนกรีตแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กลุ่มเครือข่ายธุรกิจคอนกรีต เป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่สำคัญในการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ ทางสมาคมมีความยินดีสนับสนุนโครงการ Made in Thailand ซึ่งสมาชิกจะได้ประโยชน์จากที่ปูนซีเมนต์ซึ่งเป็นวัตถุดิบต้นน้ำได้รับการรับรอง ซึ่งจะง่ายขึ้นต่อการมีส่วนช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจคอนกรีตในการขายสินค้าให้กลุ่มผู้รับเหมาได้มากขึ้น และมีส่วนช่วย SMEs ให้มีรายได้จากงบประมาณที่แน่นอนจากภาครัฐอีกด้วย
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนภาคอุตสาหกรรม ภาคการค้า และ SMEs ทั้งสมาชิก ส.อ.ท. และเครือข่ายพันธมิตร เข้าร่วมการรับรองสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยหรือ Made in Thailand เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสขยายตลาดเข้าสู่การจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ก่อให้เกิดรายได้ทั้งซัพพลายเชน เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศจากผลกระทบของ Covid-19 สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม ส.อ.ท. โทร. 02-345-1109 และ 02-345-1100