ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นเพิ่มขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ประเมินทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้นปรับเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยบวกหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 376,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 15 เดือน หรือนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ เมื่อเดือน มี.ค. 63 โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานได้ปรับตัวลงติดต่อกัน 6 สัปดาห์ แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รวมถึง โอเปก คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันโลกจะเพิ่มขึ้น 6.6% หรือ 5.95 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวไม่เปลี่ยนแปลงจากรายงานในเดือน พ.ค. ซึ่งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะช่วยหนุนอุปสงค์น้ำมันในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศในช่วงครึ่งปีแรก

ทั้งนี้ โอเปก คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 5.5% ในปีนี้ จากคาดการณ์ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะเบาบางลงในช่วงครึ่งปีหลัง

โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2564 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อยู่ที่ 70.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น0.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนท์ อยู่ที่ 72.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดูไบ อยู่ที่ 70.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม อุปทานน้ำมันเบนซินในภูมิภาคยังคงตึงตัว จากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในจีนและอินเดีย

ส่วนราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันดีเซลลดลงจากจากการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในจีน อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคยังคงอ่อนตัว

โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2564 ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 79.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 76.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล