'ดิ เอราวัณ กรุ๊ป' ปลื้มจัด! หลังเพิ่มทุนฉลุย ผู้ถือหุ้นต้องการเพิ่มทุนเกินสิทธิถึง 147%
"ดิ เอราวัณ กรุ๊ป" เป็นปลื้ม! เผยประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนผ่านการเสนอขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม มีการจองหุ้นเกินสิทธิสูงถึง 147% สะท้อนความเชื่อมั่นและการให้การสนับสนุนต่อบริษัทฯเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้น เสริมแกร่งโครงสร้างทางการเงิน
นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 2,014 ล้านหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ เมื่อช่วงวันที่ 7-11 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมาว่า ได้รับการตอบรับจากผู้ถือหุ้นเป็นอย่างดี โดยมีผู้ถือหุ้นขอใช้สิทธิเต็มตามสัดส่วนที่บริษัทกำหนดไว้คือ1.25 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาขาย 1.00 บาทต่อหุ้น และในขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นก็ได้แสดงความจำนงขอจองซื้อมากกว่าสิทธิที่ตนเองได้รับอีกเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณความต้องการหุ้นเพิ่มทุนสูงถึง 147% ของจำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทกำหนดไว้ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้นทุกกลุ่ม ทั้งสถาบันในประเทศ ต่างประเทศ และรายย่อย นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการตั้งเป้าการระดมทุนเพิ่มเติมจำนวน 1 พันล้านบาท ผ่านการออกใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ โดยออกให้กับผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิ Right Offering เช่นเดียวกัน และมีกำหนดอายุในการใช้สิทธิ 3 ปี ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2567 และราคาในการใช้สิทธิอยู่ที่ 3.00 บาท
โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสถานะทางการเงินของบริษัท อีกทั้งยังช่วยให้บริษัทฯ มีโครงสร้างเงินทุนหรืออัตราส่วนทางการเงินที่เหมาะสมต่อการขยายธุรกิจ เพิ่มความมั่นใจในการดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์การลงทุนระยะยาวตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดยยังคงมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ท ทั้งในประเทศและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เนื่องจากเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการปรับตัวที่ยืดหยุ่นที่สุดท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในระยะยาว
สำหรับการดำเนินงาน ณ ปัจจุบัน ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 โรงแรมของเราทุกแห่งยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยสูงที่สุด ซึ่งบริษัทได้มีการสนับสนุนให้พนักงานทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเพื่อเพิ่มความมั่นใจต่อลูกค้าที่เข้าใช้บริการในโรงแรม นอกจากนี้บริษัทยังคงอยู่ภายใต้มาตรการบริหารจัดการต้นทุนและรักษากระแสเงินสดให้มีสภาพคล่องมากที่สุดภายใต้สถานการณ์นี้ อย่างไรก็ตามเราเชื่อมั่นว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่กำลังดำเนินการอยู่ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย อีกทั้งแผนการเปิดประเทศไทยเพื่อรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น จะส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้เริ่มมีการฟื้นตัวมากขึ้นในอนาคต