“วรรณิภา ภักดีบุตร” นั่งเก้าอี้ “ซีอีโอ” เคลื่อน “โอสถสภา” แทน “โอสถานุเคราะห์”
เขย่าโครงสร้างบริหารรอบใหม่ "โอสถสภา" ดัน "วรรณิภา ภักดีบุตร" แม่ทัพหญิงนั่งเก้าอี้ "ซีอีโอ" หลัง "เพชร โอสถานุเคราะห์" ทิ้งตำแหน่ง-หุ้น ปล่อย "ธนา ไชยประสิทธิ์" รักษาการแทน 1 ปีเต็ม จับตาองค์กร 130 ปี วางหมากเคลื่อนทัพธุรกิจโตต่อในอนาคต
“โอสถสภา” องค์กร 130 ปี ยังเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหวไม่หยุด โดยเฉพาะการ “เขย่าโครงสร้างผู้บริหาร” ล่าสุดบริษัท โอสถสภา จำกัด(มหาชน) รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เรื่องการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร การดำรงตำแหน่ง และสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง ไล่เรียงดังนี้
1.แต่งตั้ง นายธนา ไชยประสิทธิ์ เป็น รองประธานคณะกรรมการบริหารอาวุโส และให้สิ้นสุดการดํารงตําแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ Chief Executive Officer
2.แต่งตั้ง นางวรรณิภา ภักดีบุตร เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ Chief Executive Officer และให้สิ้นสุดการดํารงตําแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่
3.แต่งตั้ง นางพรธิดา บุญสา เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ Chief Operating Officer และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มการเงิน หรือ Group Chief Financial Officer
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งทั้งหมด และโครงสร้างการบริหารจัดการใหม่ จะมีผลตั้งแต่ 22 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป
โครงสร้างการบริหารจัดการใหม่
++ ‘วรรณิภา’ กุมบังเหียน CEO แทน ‘เพชร โอสถานุเคราะห์’
ย้อนไปปี 2561 ที่ “เพชร โอสถานุเคราะห์” พร้อมการตัดสินใจของบรรดาทายาท ในการทรานส์ฟอร์มองค์กร แปลงธุรกิจครอบครัวให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ มีการดึงมืออาชีพมากหน้าหลายตาเข้ามาร่วมงาน หนึ่งในนั้นคือ “วรรณิภา ภักดีบุตร” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงสินค้าอุปโภคบริโภคมายาวนาน ด้วยฝีไม้ลายมือฉกาจฉกรรจ์ด้านการตลาด มีประสบการณ์ทำงานในองค์กรยักษ์ใหญ่ข้ามชาติมาร่วมขับเคลื่อนองค์กรร้อยปี
ที่ผ่านมา “เพชร” ต้องนั่งเก้าอี้ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ผ่านไปยังควบตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” ทว่า ปี 2563 ห้วงเวลาเดียวกันนี้ ซึ่งมีผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 22 กรกฎาคม ปีก่อน คณะกรรมการบริษัทได้รับหนังสือ “ลาออก” จาก “เพชร” ซึ่งขอทิ้งตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอสถสภา โดยให้เหตุผลการลาออกเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ
ธนา ไชยประสิทธิ์
ระหว่างทางมีหนึ่งในทายาทของบริษัท “ธนา ไชยประสิทธิ์” รักษาการตำแหน่งซีอโอแทนมาโดยตลอด จวบจนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างล่าสุด ทำให้นับตั้งแต่ 22 ก.ค.นี้ “วรรณิภา” จะเป็นแม่ทัพหญิงขององค์กรยักษ์ใหญ่อย่าง “โอสถสภา” เต็มตัว แทนที่ตระกูล "โอสถานุเคราะห์" ที่ทายาทต่างอยู่เบื้องหลัง และยังคงนั่งเป็นคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)บริษัท เช่น ธัชรินร์-นิติ โอสถานุเคราะห์ และ ประธาน-ธนา ไชยประสิทธิ์
++ ย้อนภารกิจดอกไม้เหล็ก “วรรณิภา”
นับตั้งทายาทรุ่น 4 ของตระกูล “โอสถานุเคราะห์” นำบริษัทเข้าตลาดหลัดทรัพย์ฯปี 2561 จุดประสงค์คือการผลักดันองค์กรธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน และไม่จำกัดแค่ประเทศไทย แต่ขยับขยายอาณาจักรให้เกรียงไกรในภูมิภาคด้วย
วรรณิภา ที่สวมหมวกกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในขณะนั้นเดินหน้า 3 ยุทธศาสตร์สู่การเติบโต ได้แก่ 1.เสริมแกร่งให้ตลาดในประเทศไทย 2.บุกตลาดต่างแดน ทั้งเมียนมา ลาว กัมพูชา และ 3.บริหารต้นทุนธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีประสิทธิภาพ ปูทางสร้างยอดขาย ยิ่งกว่านั้นคือการ ทำ “กำไร”
ในทุกหมากรบล้วนมีกลยุทธ์การทำตลาดรองรับ การแกร่งในประเทศต้องทำให้ธุรกิจหลักคือ “เครื่องดื่มชูกำลัง” เติบโต จึงเห็นการออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง ไฮไลท์ล่าสุดเป็นกการปั้น “ลิโพ-ไฟน์” เจาะตลาดผู้หญิงโดยเฉพาะ จากที่มี “เอ็ม-150” เป็นเบอร์ 1 อย่างเหนียวแน่น ส่วนเครื่องดื่มวิตามินซีแบรนด์ “ซี-วิท” เจ้าตลาด ออกบิ๊กไซส์ 1 ลิตร รับผู้บริโภคอยู่บ้าน ทำงานที่่บ้าน แตกไลน์สู่ “C-vitt Plus”
สินค้าเครื่องใช้ส่วนบุคคลที่เป็นหมุดหมายสำคัญ ต่อยอดแบรนด์ที่มีได้อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น “โอเล่” จากลูกอม พัฒนาไปเป็นครีมอาบน้ำ เจลทำความสะอาด “โบตัน” จากยาอมสู่ “ยาสีฟัน” ฯ ถือเป็นการพลิกเกมเพื่อหาช่องว่างและโอกาสทางการตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการขยายต่างประเทศ “เมียนมา” ตั้งโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังสู่ตลาดเรียบร้อย เพื่อรักษาการเป็นเบอร์ 1 และปี 2563-2564 ที่ทั่วโลกและไทยเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อโรคระบาดครั้งใหญ่อย่าง “โควิด-19” มาเยือน สร้างความสั่นสะเทือนให้ธุรกิจอย่างหนัก ยุทธศาสตร์การบริหารต้นทุนมุ่งสู่กำไรที่เติบโต จึงเข้มข้นขึ้น ตามแผน Fit Fast Firm ใน 3 ปี จะต้องลดต้นทุนรวม 2,500 ล้านบาท ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัททำผลงานลดต้นทุนได้ 1,000 ล้านบาท และปีนี้เช่นกัน
++จากโฟโกัสยอดขายโต เปลี่ยนเน้นทำ “กำไร”
การระบาดของโรคโควิด-19 กระเทือนการค้าขายเสียหายอย่างหนัก “การบริโภคภายในประเทศ” ที่เป็นความหวัง ต้องเจอกับนโยบาย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐซึ่งออกมาแต่ละครั้งมีผลต่อการ “เปลี่ยน” พฤติกรรมการใช้เงินของผู้บริโภคทันที ขณะที่เงินในกระเป๋าประชาชนลดลงเรื่อยๆ ทำให้ปีนี้หลายธุรกิจไม่เน้นกอบโกย “ยอดขาย” เพราะทุ่มสรรพกำลังไปกาย เงินไป 100% ผลลัพธ์อาจกลับมาต่ำ
ดังนั้น สิ่งสำคัญกว่าคือการทำธุรกิจให้มี “กำไร” เพื่อเสริมสภาพคล่อง ความแข็งแกร่งทางการเงิน และกิจการที่มั่งคั่ง “โอสสภา” เคยตั้งเป้าหมายยอดขายโต 10% ต้องพลิกแพลง ยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ หันมาโฟกัสกำไรเป็นหลัก หากถอยไปดูผลงานไตรมาส 1 บริษัทสร้างรายได้รวม 7,122 ล้านบาท เติบโต 3.15% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนรายได้จากการขายสินค้าอยูที่ 6,776 ล้านบาท แต่ “กำไรสุทธิ”ทำนิวไฮที่ 1,004 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 8.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่ง “วรรณิภา” เผยผลลัพธ์การเติบโตล้วนเพราะเกิดจากการทุ่มเททำงานอย่างหนัก ท่ามกลางวิกฤติ
อย่างไรก็ตาม การรับบทแม่ทัพขับเคลื่อนโอสถสภา ฝ่าห้วงเวลาที่ยากลำบากจากโรคโควิด-19 ยังคงระบาด เศรษฐกิจชะลอตัวหนัก กำลังซื้อผู้บริโภคหดตัวลง การแข่งขันที่ขับเคี่ยวเข้มข้นตลอดเวลาและดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ แต่เชื่อว่าตลาดในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค คงเห็นฝีไม้ลายมือของ “วรรณิภา” ในการวางหมากรบมาเขย่าวงการให้คึกคักและมีอะไรใหม่ๆให้ว้าว! อย่างแน่นอน