STA-STGT ควงแขนเข้า SET50 สตอรี่ใหม่หนุนราคาหุ้น
ได้เห็นโฉมหน้าโฉมตากันไปแล้วกับรายชื่อหุ้นที่ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 รอบใหม่ ครึ่งหลังปี 2564 ซึ่งหลายตัวก็ออกมาตรงเป๊ะตามที่กูรูสำนักต่างๆ คาดการณ์ไว้ แต่ก็มีอีกหลายตัวที่ เข้ามา หรือ ถูกคัดออก แบบเซอร์ไพรส์ หักปากกาเซียน
เริ่มจาก 4 หุ้น น้องใหม่ในกระดาน SET50 มากันพร้อมเพรียง แบบไม่พลิกโผ! ทั้งบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC, บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE และหุ้นแม่ลูก บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA และ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT
ส่วน 9 หุ้นใหม่ใน SET100 มีบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF, บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL, บริษัท โพลีเพล็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PTL
บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER, บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT, บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX และ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN
หนึ่งในหุ้นที่โดดเด่นรอบนี้เห็นจะเป็นคู่แม่ลูก STA-STGT ที่แท็คทีมกอดคอกันเข้ามาได้ หลังฉายแววตั้งแต่ปลายปีก่อน ราคาหุ้นพุ่งขึ้นต่อเนื่อง รับอานิสงส์ราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลให้มีความต้องการใช้ยางพาราเพื่อผลิตยางล้อรถยนต์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศจีนและยุโรปที่กำลังส่งเสริมให้ประชาชนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ส่วนอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ดาวเด่นเห็นจะเป็น “ถุงมือยาง” ที่ดีมานด์ทั่วโลกพุ่งกระฉูด ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังระบาดหนักในหลายประเทศ สวนทางซัพพลายที่มีจำกัดเพราะผลิตไม่ทัน ส่งผลให้ราคาถุงมือยางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
กลายเป็นปัจจัยบวกสำคัญให้กับหุ้นแม่ลูกคู่นี้ โดย STA เป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะส่งน้ำยางให้ STGT เพื่อนำไปผลิตถุงมือยาง เลยทำให้ราคาหุ้นและผลประกอบการคู่นี้มักจะล้อไปด้วยกันเสมอ เพราะแน่นอนว่ายิ่ง STGT ขายถุงมือยางได้มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ต้องการใช้น้ำยางจาก STA เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
แต่ก็ต้องยอมรับว่าราคาหุ้นที่ขึ้นมาเยอะ ขณะที่การระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศเริ่มดีขึ้น เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ และอีกหลายประเทศในยุโรป หลังทั่วโลกกำลังเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีน ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าราคาหุ้นที่พุ่งแรงนั้นแพงไปหรือยัง?
โดยขณะนี้ราคาถุงมือยางเริ่มปรับลดลงแล้ว จากซัพพลายที่เริ่มมีออกมามากขึ้น และจำนวนคนฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กลายเป็นปัจจัยที่เริ่มกดดันราคาหุ้น เป็นจังหวะของการขายทำกำไร จะเห็นว่าราคาหุ้น STA และ STGT เริ่มย่อตัวลงในช่วงเดือน พ.ค.
ประกอบกับมีข่าวพนักงานของ STGT ติดโควิด-19 หลายคน จนต้องปิดโรงงานที่จังหวัดสุราฎร์ธานีและจังหวัดตรัง ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมา กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกหยิบยกมาผสมโรงขายทำกำไรหุ้น STGT และ STA
แต่ขณะนี้โรงงานทั้ง 2 แห่ง กลับมาเดินเครื่องได้แล้ว โดยที่สุราฎร์ธานีกลับมาเปิดเมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ส่วนที่จังหวัดตรังเปิดเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. เรียกว่ามาพร้อมกับข่าวดี เพราะพอตกเย็นทั้ง STA และ STGT ได้รับเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 กลายเป็นปัจจัยบวกใหม่ แต่จะหนุนได้มากน้อยแค่ไหน ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่ค่อยๆ คลี่คลายต้องรอติดตาม
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หากพิจารณาจากสถิติในอดีต หลังประกาศรายชื่อหุ้นที่ได้รับเลือกเข้าคำนวณในดัชนี SET50 และ SET100 ไปถึงวันที่ถูกเข้าคำนวณ หุ้นที่ได้รับเลือกมักจะปรับตัวได้ดีกว่าตลาด (Outperform) โดยเฉพาะหุ้นที่ถูกคัดเข้าทั้ง SET50 และ SET100 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 4-5% ซึ่งในรอบนี้คือ STGT
รองลงมาคือ หุ้นที่ถูกคัดเข้าเฉพาะ SET50 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.5-3.5% และหุ้นที่ถูกคัดเข้าเฉพาะ SET100 มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5-1.2% แม้ว่าราคาหุ้นหลายบริษัทจะเกินมูลค่าพื้นฐานไปมากแล้ว แต่ยังพอเก็งกำไรได้ แนะนำให้เข้าลงทุนและขายออกก่อนวันที่ถูกคัดเข้าคำนวณ โดย Top pick เลือกหุ้นที่ยัง Laggard อย่าง STGT, STA รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศภายใน 120 วัน อย่าง AAV