เดิมพัน120วัน'เปิดประเทศ'ธุรกิจหวังเม็ดต่างชาติฟื้นสภาพคล่อง
หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเป้าหมายประเทศไทยจะนับถอยหลัง “เปิดประเทศ” เต็มรูปแบบให้ได้ภายใน 120 วัน หรือภายในเดือน ต.ค.นี้ ปลุกความเคลื่อนไหวของบรรดาผู้ประกอบการที่ยังมีความเป็นห่วงในหลายเรื่อง
โดยเฉพาะการ "ฉีดวัคซีน" ป้องการแพร่ระบาดที่เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ!
อธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทยและสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า การที่นายกฯ ตั้งเป้าต้องเปิดประเทศภายใน 120 วันนั้น! "ผมยังไม่กล้าคิดเพราะมันอาจจะสั้นเกินไปแต่ก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย ก็ทดลองดู แต่ถามว่าจะไปคาดหวังผล 100% คงยาก เพราะต้องดูปัจจัยแวดล้อม ตั้งแต่เรื่องของวัคซีนที่ชุลมุนวุนวายกันอยู่ ซึ่งวัคซีนควรต้องจบใน 120 วันด้วย คนไทยที่เป็นกลุ่มเสี่ยงควรจะฉีดวัคซีนได้ครบหมดแล้ว รวมทั้งแรงงานต่างด้าวต้องได้รับการฉีดวัคซีนมิเช่นนั้นเกิดปัญหาการแพร่ระบาด การสูญเสียก็ยังวนอยู่ต่อไป"
ทั้งนี้ รัฐบาลและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาเยือนประเทศไทยเกิดความมั่นใจว่า “ปลอดภัย” เพราะตราบใดที่ยังมีตัวเลขการติดเชื้อระดับ 2,000-3,000 รายต่อวัน มีคนตายวันละ 20-30 ราย ชาวต่างชาติคงไม่กล้าเดินทางเข้ามา!
“ฉะนั้นการจะทำอะไรก็ตามต้องยืนอยู่ยนพื้นฐานในโลกเป็นความจริง ตราบใดที่เขายังมองเห็นถึงความเสี่ยงการดึงให้เขาเดินทางเข้ามาในประเทศ จึง ‘ไม่ใช่’ เรื่องง่าย!”
ขณะเดียวกันต้องเตรียมความพร้อมต่างๆ รองรับการเปิดประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจต่างๆ ที่หยุดดำเนินการไป อาทิ ร้านอาหาร ผับบาร์ โรงแรม ร้านค้า สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ต้องกลับเข้ามาเปิดบริการ เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาคงไม่ได้อยากมาเที่ยวแบบสันโดษ ขณะเดียวกันมีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือไม่ว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยกลับไปประเทศต้นทางแล้วจะต้องกักตัวหรือไม่ อย่างไร เพราะหากกลับไปแล้วโดนกักตัวจะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขนำมาตัดสินใจเดินทาง
ชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ถ้านายกฯ สามารถเปิดประเทศภายใน 120 วัน เป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ “วัคซีน” ซึ่งเห็นอยู่แล้วว่าหลายส่วนมีความล่าช้าอย่างมาก อย่างทีมงานฮาบิแทท กรุ๊ป 200 กว่าคนควรได้ฉีดที่พัทยาแล้ว แต่ถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนด ฉะนั้นความมั่นใจว่า จะเปิดประเทศได้ใน 120 วัน จึงไม่แน่ใจ แต่หากทำได้จะดีมากจากเดือนนี้วัคซีนล่าช้า
ในส่วนภาคอสังหาฯ จะมีกลุ่มเรียลดีมานด์จากต่างประเทศที่เข้ามาซื้อ โอน และ ลงทุน ซึ่งปัจจุบันดีมานด์ส่วนนี้ถูกเลื่อนไปตั้งแต่ปี 2563 เพราะการเดินทางระหว่างประเทศถูกจำกัด ทำให้ไม่เกิดการซื้อขาย ลูกค้าบางคนซื้อไปแล้วจะต้องมาตรวจห้อง หรือมาโอน ก็ไม่สามาถทำได้ ฉะนั้นถ้าเปิดประเทศและชาวต่างประเทศกลับมาเพียงแค่ 20-30% ในปีนี้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะกระแสเงินสด (Cash flow)จากต่างประเทศ มากกว่าดีมานด์ของคนไทยที่จอง 10-15% ส่วนต่างชาติโอนแต่ละครั้งเป็นก้อน สร้างเม็ดเงินสะพัดได้ดี
ที่สำคัญเมื่อเกิดดีมานด์การซื้อขายจะช่วยกระแสเงินสดของดีเวลลอปเปอร์มีจำนวนเม็ดเงินไหลเวียนมากขึ้นในซัพพลายเชน และระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเซ็กเตอร์ที่เกี่ยวกับโรงแรมจะมีโอกาสฟื้นตัว เพราะ 90% ที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ ถ้ากฏเกณฑ์ไม่ยุ่งยากจนเกินไป ทำให้ไตรมาส 4 ปีนี้สถานการณ์น่ากลับมาดีขึ้น
“ดีใจที่นายกฯ ออกมาพูดให้รู้สึกฮึกเหิม มีตัวเลขที่ชัดเจน มีความเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้รู้สึกเห็นภาพชัดเจน แต่สุดท้ายจะทำได้หรือไม่นั้นต้องพิสูจน์กันต่อไป คราวนี้คงเป็นบทพิสูจน์ครั้งสุดท้ายแล้วว่าจะทำได้จริงหรือไม่ ทุกคนรอลุ้นอยู่”
อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า หากสามารถเปิดประเทศภายใน 120 วันเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนหลังจากมีการเลื่อนฉีดวัคซีนทำให้ประชาชนรู้สึกหวั่นไหวกันพอสมควร จากการคำนวณตัวเลขที่นายกฯ ระบุ ถ้าผู้ผลิตวัคซันไม่เลื่อนส่งมอบประเทศไทยก็จะได้รับวัคซีนเพิ่ม 50 ล้านโดส ฉะนั้นก็มีความเป็นไปได้ที่ฉีดได้ครบ
“แต่ว่า 50 ล้านโดสก็ยังไม่อาจปลอดภัยพอที่ต่างชาติจะวางใจเดินทางเข้ามาเพราะฉีดได้คนละ 1 โดส ดังนั้นจึงเสนอให้เลือกฉีดเป็นโซนไม่ใช่กระจายทั่วไปหมด เพราะจำนวนวัคซีนมีจำนวนจำกัด จึงต้องทำงานแบบโฟกัสฉีดเป็นโซนๆ เพื่อสร้างความปลอดภัยเป็นโซนไปในระดับที่ต่างชาติในทำเลที่เขาจะเดินทางมาพักผ่อน ท่องเที่ยวหรือติดต่อทำธุรกิจก่อน พร้อมๆ กับการเปิดประเทศ”
แจ็คกี้ เธีย ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ตกล่าวว่า จังซีลอนพร้อมให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐในทุกด้านเพื่อร่วมสร้างมาตรฐานและความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต นอกจากการสนับสนุนพื้นที่ภายในศูนย์การค้าจังซีลอนให้เป็นหน่วยบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สำหรับเขตพื้นที่อำเภอกะทู้แล้ว ขณะนี้พนักงานศูนย์การค้าจังซีลอน พนักงานร้านค้าที่เปิดให้บริการ รวมถึงพนักงานบริษัทคู่สัญญาที่ปฏิบัติหน้าที่ ต่างก็ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้วมากกว่า 90% จึงมีความพร้อมและความมั่นใจเป็นอย่างมาก ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมโรค รวมถึงมาตรฐานความสะอาดปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับประสบการณ์ที่ดีและมั่นใจในความปลอดภัยด้านสุขอนามัยระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวภายในศูนย์การค้าและในจังหวัดภูเก็ต
โดยจังซีลอน และผู้ประกอบการต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐาน SHA Plus+ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต่อยอดจากมาตรฐาน SHA ในโครงการ “Amazing Thailand Safety and Health Administration” ที่ยืนยันว่าสถานประกอบการมีมาตรการทางสาธารณสุขในการควบคุมโรคโควิด-19และมีพนักงานในสถานประกอบการได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้วเกินกว่า70% เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัว ที่จะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้
ขณะที่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เป็นหนึ่งในสถานประกอบการมีมาตรการทางสาธารณสุขในการควบคุมโรคโควิด-19 ตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิด ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตโดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เช่นกัน
ประพัฒน์ เสียงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทสนับสนุนนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน เพราะถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการวางแผนบริหารจัดการโรคโควิด-19 ให้คลี่คลาย โดยระยะเวลา 120 วัน หรือ 4 เดือน หากวางแผนงานที่ดี เชื่อว่าจะเปิดประเทศได้
ทั้งนี้ ไมเนอร์ฟู้ดฯ พร้อมเตรียมการเปิดธุรกิจอาหารแบรนด์ต่างๆ ที่อยู่ในสนามบินทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ กระบี่ พังงา ฯ หลังจากปิดให้บริการ 70-80% จาก 70-80 สาขา รวมถึงร้านที่อยู่ในเมืองท่องเที่ยวซึ่งปิดให้บริการ 50% โดยสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือให้พนักงานประจำสาขาเหล่านี้ได้รับวัคซีนก่อนเปิดประเทศใน 120 วัน
“การเปิดประเทศจะภายใน 120 วัน หรือ 150 วัน ถือเป็นข่าวดีทั้งสิ้น เพราะสุดท้ายการควบคุมโรคระบาดต้องมีวันจบ และการเปิดประเทศหากวางแผนดีเชื่อว่าเกิดขึ้นได้ ภาคธุรกิจจะได้เตรียมกลับมาดำเนินงานเหมือนเดิม ซึ่งไมเนอร์ฯ ต้องเตรียมเปิดร้านอาหารที่สนามบินและเมืองท่องเที่ยว”