ตำรวจภูธรภาค 3 ทลายแก๊งโจรตระเวนขโมยเครื่องยนต์การเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง รวบผู้ต้องหาได้ 7 คน ยึดของกลางได้ 32 เครื่องผู้ต้องหารับสารภาพนำไปขายต่อเครื่องละ 7,000 บาท
บ่ายวันนี้ (19 มิถุนายน 2548) ที่บริเวณหน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายตระเวนโจรกรรมเครื่องยนต์การเกษตรของชาวบ้านในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง ได้ตัวผู้ต้องหารวม 7 คน และยึดเครื่องยนต์การเกษตรได้ 32 เครื่อง รถยนต์กระบะ และรถจักรยานยนต์จำนวนหนึ่ง
สืบเนื่องจากมีพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดชัยภูมิ มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนในสถานีตำรวจต่างๆ ในพื้นที่ ว่าได้ถูกคนร้ายลักทรัพย์เป็น เครื่องยนต์คูโบต้าที่ใช้เป็นเครื่องไถนา และเครื่องสูบน้ำสูญหายไปจำนวนหลายเครื่อง
พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัด นครราชสีมา และตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ สืบสวนติดตามผู้กระทำความผิดดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา โดยการนำของ พลตำรวจตรี พรชัย นลวชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ โดยการนำของ พลตำรวจตรี ฉลอง สุขจันทร์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย และติดตามทรัพย์เครื่องยนต์คูโบต้าเพื่อนำมาคืนให้กับพี่น้องเกษตรกร
จากการร่วมกันสืบสวนสอบสวนทราบว่ากลุ่มคนร้ายมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ จึงได้พยายามสืบสวนจับกุม ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 สถานีตำรวจภูธรด่านขุนทด ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีคนร้ายมา ลักเอาเครื่องยนต์คูโบต้าในเขตพื้นที่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา จำนวน 2 ราย จึงได้ตรวจสอบจากกล้อง วงจรปิด และพบเห็นรถต้องสงสัย 1 คัน ด้านหลังกระบะบรรทุกเครื่องยนต์คูโบต้ามุ่งหน้าไปทางอำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ และสืบสวนทราบว่า รถต้องสงสัยคันดังกล่าวได้ไปหยุดที่บริเวณหน้าร้านของ 1 ในผู้ต้องหา ตำรวจจึงดำเนินการเข้าตรวจสอบ และพบว่าคนงานภายในร้านกำลังร่วมกันชำแหละเครื่องยนต์คูโบต้า ตำรวจจึงเข้าจับกุมตัวคนงานในร้าน และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด
ทั้งนี้ผู้ต้องหายอมรับว่า ได้ร่วมกันออกตระเวนลักขโมยเครื่องยนต์คูโบต้าของชาวบ้านที่นำไปสูบน้ำหรือไถนา และจอดไว้ในบริเวณแปลงนาหรือริมคลองน้ำ จากนั้นได้นำไปขายต่อให้กับเจ้าของร้านขายอุปกรณ์ทางการเกษตรในพื้นที่อำเภอบำเหน็จณรงค์ จังหวัดชัยภูมิ ในราคาเครื่องละประมาณ 5,000-7,000 บาท แล้วเจ้าของร้านก็จะให้คนงานทําการถอดชำแหละเครื่องยนต์ แปรสภาพ ทำเป็นเครื่องยนต์มือสอง นำออกขายให้กับลูกค้าในราคาเครื่องละประมาณ 20,000 บาท
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้ง ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ หรือรับของโจร ก่อนส่งตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.