'พาวเวล' ให้คำมั่นไม่ใช้เรื่องเงินเฟ้อเป็นเงื่อนไขขึ้นดอกเบี้ย
ประธานเฟด ให้คำมั่นไม่ใช้เรื่องเงินเฟ้อเป็นเงื่อนไขขึ้นดอกเบี้ย พร้อมมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้างและครอบคลุม
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทยว่า เฟด มีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้างและครอบคลุม และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วเกินไป
"ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเรามองว่าการดีดตัวของเงินเฟ้อเป็นผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากการเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ เราจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรเพียงเพราะความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียว แต่เราจะรอให้มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อหรือภาวะไร้สมดุลในด้านอื่นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย" นายพาวเวล กล่าว
นายพาวเวล ยังกล่าวด้วยว่า การพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเมื่อไม่นานมานี้ ไม่ได้สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ตึงตัวเป็นวงกว้างจนทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจากความต้องการสินค้าและการบริการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และภาวะติดขัดด้านอุปทานที่เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐเริ่มเปิดเศรษฐกิจ หลังจากต้องปิดเศรษฐกิจเป็นเวลานานเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยนายพาวเวลเชื่อว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากการพุ่งขึ้นของราคาผู้บริโภคนั้น จะชะลอตัวลงในท้ายที่สุด
"ผมอาจกล่าวได้ว่าผลกระทบเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่าที่เราคาดการณ์ไว้ และอาจจะกลายเป็นผลกระทบที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าที่เราคาด แต่ผมเชื่อว่าข้อมูลที่เราจะได้รับในวันข้างหน้านั้นจะสนับสนุนมุมมองของเราที่ว่า ผลกระทบจากปัจจัยเหล่านี้จะอ่อนแรงลงในวันข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่าเป้าหมายของเรา แต่แน่นอนว่า หากผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นตามที่เราคาดไว้ เราก็จะใช้เครื่องมือต่างๆที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับเรื่องนี้" นายพาวเวลกล่าว
นายพาวเวล ยังกล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟดในวันข้างหน้า โดยเขาให้คำมั่นว่า เฟดจะจับตาข้อมูลสถิติของตลาดแรงงานเป็นวงกว้าง ซึ่งรวมถึงจับตาดูว่าตัวเลขจ้างงานของประชาชนกลุ่มผิวสีและกลุ่มอื่นๆมีความแตกต่างกันมากเพียงใด
"เราไม่มองแค่จำนวนคนที่ไม่มีงานทำ แต่เราจะดูมาตรวัดทั้งหมดของตลาดแรงงาน นั่นคือสิ่งสำคัญที่เราจะทำ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเราจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น"