‘ททท.’ ไขข้อข้องใจ แจง 3 ช่องทางทัวริสต์บินอินเตอร์ฯเข้า ‘ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์’
“ททท.” แจงยิบ 3 ช่องทางทัวริสต์บินอินเตอร์ฯเข้า “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เริ่ม 1 ก.ค.นี้ ชี้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถือเป็นการยอมรับความเสี่ยง เนื่องจากเดินทางมากับผู้ปกครองที่ฉีดวัคซีนแล้ว แต่มีการตรวจหาเชื้อ Rt-PCR ทุกคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับทางจังหวัดภูเก็ต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้สรุปการเดินทางโดยเที่ยวบินเข้า จ.ภูเก็ต ซึ่งจะเริ่มโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ มี 3 ช่องทางด้วยกัน ดังนี้
1.เที่ยวบินตรงเข้าภูเก็ตจากต่างประเทศ หรือฮับบินเส้นทางระหว่างประเทศจากต่างประเทศ 2.Transit-same-plane จากต่างประเทศ จอดรอที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่มีผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่ลงหรือขึ้นเครื่องเพิ่มเติม โดยสองกรณีนี้ เครื่องบินจะลงที่อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และมีทีมงานจัดการ ตรวจคนเข้าเมือง ตรวจกักกันโรคฯที่ภูเก็ตทั้งหมดวางแผนดำเนินการแล้ว
ส่วน 3.การต่อเครื่องบินที่กรุงเทพฯ ที่เทอร์มินัล E9 และ E10 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ (Joining-Inter) และให้ผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่องบินแบบ Dedicated Domestic flight ไปภูเก็ต จำเป็นต้องอยู่ในเฟสที่ 2 เนื่องจากการจัดการที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่มีปัญหา แต่การจัดการที่ภูเก็ต เครื่องบินจะลงที่อาคารผู้โดยสารในประเทศ และต้องจัดการเส้นทางให้ผู้โดยสารเดินต่อไปยังอาคารต่างประเทศ ต้องเพิ่มอัตรากำลังและอุปกรณ์ฯ ทำให้ในช่วงแรกอาจจะให้บริการไม่ทันวันที่ 1 ก.ค.นี้
ผู้ว่าการ ททท. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ถือเป็นการ “ยอมรับความเสี่ยง” เนื่องจากเดินทางมากับผู้ปกครองที่ฉีดวัคซีนแล้วเท่านั้น ทั้งนี้จะมีการตรวจหาเชื้อแบบ Rt-PCR ทุกคนทั้งเด็กและผู้ปกครองที่สนามบินอีกครั้ง ทำให้มั่นใจได้มากขึ้นจากผลตรวจทั้งเด็กและผู้ปกครอง ซึ่งไม่ได้ตรวจเฉพาะเด็กคนเดียว ส่วนการเดินทางมาลำพังโดยไม่มีผู้ปกครองนั้น ยังไม่เข้าเกณฑ์ที่จะยอมรับความเสี่ยงได้ ดังนั้นต้องเข้าพักในโรงแรมที่ผ่านการประเมินเป็นสถานกักกันทางเลือก (ALQ) ตามมาตรการปัจจุบัน