โบรกชี้เทรนด์ M&A ปี 64 คึกคัก! บจ.แห่ซื้อกิจการ

โบรกชี้เทรนด์ M&A ปี 64 คึกคัก! บจ.แห่ซื้อกิจการ

ที่ปรึกษาการเงิน ชี้ปีนี้ดีลซื้อกิจการยังคึกคักต่อเนื่อง “ไทยพาณิชย์” ชี้โควิดหนุนทุนใหญ่ในตลาดหุ้นเข้าซื้อกิจการขนาดเล็ก “เมย์แบงก์ฯ” เผย บจ.ไทยลุยซื้อกิจการต่างประเทศเสริมแกร่ง “กสิกรไทย” คาดปีนี้ปิดดีลซื้อกิจการให้ลูกค้าอีก 2-3 ดีล

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แม้ประเทศไทยจะเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่พบว่าภาคธุรกิจไทยยังเดินหน้าซื้อขายกิจการกันอย่างคึกคัก เพราะท่ามกลางวิกฤติเป็นโอกาสสำหรับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงินสูง สามารถนำสภาพคล่องที่มีมาควบรวม (Consolidate) กิจการขนาดเล็ก โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจ (Value Chain) ของตนเอง

ประกอบกับบริษัทขนาดเล็กต่างมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความแข็งแกร่งเพื่อเสริมการเติบโตผ่านรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงเพื่ออยู่รอดท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 อีกด้วย นอกจากนี้ การระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และเล็กเร่งยกระดับ (Uplift) ธุรกิจของตนเองให้เข้ากับกระแสโลกสมัยใหม่ผ่านการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจด้านไอทีแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือบล็อกเชน เป็นต้น

162445857178

ส่วนกรณีการซื้อกิจการที่ธุรกิจถูกผลกระทบจากโควิด-19 และไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เช่น ธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันยังเห็นไม่มากนัก โดยคาดว่าเป็นผลจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกกฎเกณฑ์ช่วยเหลือด้วยส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งยังพยายามยืดเวลาออกไปเพื่อรอเวลาที่จะกลับมาดำเนินธุรกิจตามปกติอีกครั้ง เพราะสินทรัพย์ของบริษัทยังเป็นสินทรัพย์ที่ดีและไม่ได้มีปัญหา อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ยืดเยื้อและธุรกิจไปต่อไม่ไหวก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการประกาศขายออกมามากขึ้น

“ลูกค้าส่วนใหญ่ของเราตอนนี้เป็นธุรกิจปกติที่ต้องการพันธมิตรเข้ามาร่วมด้วยในช่วงโควิด-19 มากกว่า โดยปัจจุบันเราก็อยู่ระหว่างทำดีลควบรวมและซื้อขายกิจการ (M&A) อยู่หลายดีล ซึ่งกระจายอยู่ในหลายธุรกิจ ทั้งธุรกิจอาหาร ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ฯลฯ โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ส่วนผู้ขายส่วยใหญ่จะอยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อขนาดดีลไม่ใหญ่มากจึงไม่มีการรายงานออกมา ส่วนลูกค้าที่เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ยังค่อนข้างน้อย”

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์​แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า สำหรับเทรนด์การซื้อขายกิจการในปี 2564 ยังมีความคึกคักอย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีความต้องการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของบริษัทที่อยู่ในเครือสถาบันการเงินที่มีความเชี่ยวชาญในภูมิภาคเอเชีย และส่วนใหญ่ยังเป็นการซื้อขายกิจการที่มีความเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเดิมของตนเอง โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ประมาณ 1 ดีล และมีอีก 2-3 ดีลที่อยู่ระหว่างดำเนินการ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็น บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ขณะที่ดีลการซื้อขายกิจการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แม้บริษัทจะไม่ได้ดำเนินการเป็นที่ปรึกษาให้ดีลการซื้อขายประเภทดังกล่าว แต่พบว่าในอุตสาหกรรมเริ่มมีการเข้าซื้อธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ผ่านการซื้อกิจการเข้ามาบริหารในกองทุนหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity Fund) เพราะเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่มีสภาพคล่อง และในอนาคตธุรกิจโรงแรมยังมีโอกาสกลับมาเปิดดำเนินการได้ตามปกติ

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ธุรกิจไทยยังเดินหน้าซื้อขายกิจการกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเข้าไปซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิมของตนเอง และการเข้าไปซื้อกิจการที่อยู่ในธุรกิจใหม่เพื่อกระจาย (Diversify) ธุรกิจ โดยคาดว่าปีนี้จะเห็นความชัดเจนประมาณ 2-3 ดีล เช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมาที่บริษัทจะพยายามปิดดีลการซื้อขายกิจการที่จำนวนดังกล่าว และมองว่าสถานการณ์โควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจของภาคธุรกิจไทย