'เครดิต สวิส'คาดศก.โลกครึ่งหลังปี 64 ขยายตัว 5.9%
เครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะขยายตัวในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากประเทศต่างๆ ทยอยกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนในประเทศ
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เครดิต สวิส คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่อัตรา 5.9% ในปีนี้และขยายตัวในอัตรา 4% ในปี 2565 โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินการฉีดวัคซีน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของภาคบริการในวงกว้าง
นอกจากนี้ เครดิต สวิส ยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวในอัตรา 6.9% ในปีนี้ และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของยูโรโซนจะขยายตัว 4.2% ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งไม่รวมญี่ปุ่น คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 7.5%
“เรย์ ฟาร์ริส” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียใต้กล่าวว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะทำให้รายได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วยหนุนตลาดหุ้น
ฟาร์ริส เสริมว่า "เขาไม่คาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศการตัดสินใจใดๆ จนกว่าจะถึงช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือนานกว่านั้น พร้อมเสริมว่าเฟดจะไม่ใช้มาตรการผ่อนคลายจนกว่าถึงปี 2565 ส่วนอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มคงตัวไปจนถึงปี 2566
ความเห็นของฟาร์ริส มีขึ้นหลังจากไม่กี่วันก่อน เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนตลาดแรงงานให้ฟื้นตัวเป็นวงกว้าง และเฟดจะไม่ใช้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป
“ตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเรามองว่าการดีดตัวของเงินเฟ้อเป็นผลกระทบโดยตรงที่เกิดจากการเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ เราจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนเวลาอันควรเพียงเพราะความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียว แต่เราจะรอให้มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดจากเงินเฟ้อหรือภาวะไร้สมดุลในด้านอื่นๆ ก่อนที่จะตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย” พาวเวล กล่าว
นอกจากนี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำภูมิภาคเอเชียใต้ของเครดิตสวิส ยังคาดการณ์ว่า ภาวะการซื้อขายหุ้นในประเทศต่างๆจะอยู่ในช่วงขาขึ้นในช่วง6เดือนข้างหน้าจนถึง1ปี ตราบใดที่ผลประกอบการของบริษัทยังมีแนวโน้มสูงขึ้น
“เรากำลังจะได้เห็นราคาหุ้นดีกว่าที่หลายคนคาดการณ์ในช่วง6เดือนข้างหน้า หรือ1ปี ตราบใดที่แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง แน่นอนว่ามีการตรวจสอบเป็นระยะๆ แต่การตรวจสอบก็เป็นโอกาสด้วยเช่นกัน”ฟาร์ริส กล่าว
ฟาร์ริส กล่าวอีกว่า ตลาดหุ้นในยุโรปจะเริ่มกลับมาซื้อขายกันอย่างคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากหลายประเทศเริ่มควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ได้แล้ว และเริ่มเปิดเศรษฐกิจบางส่วน ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ที่บรรยากาศการซื้อขายจะคึกคักมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ภาวะทางการเงินและเศรษฐกิจโลก ขณะที่เยอรมนี อยู่ที่หุ้นวัฏจักร (cyclical sectors)ซึ่งหมายถึงหุ้นของบริษัทที่มีผลกำไร ผลประกอบการ และราคาหุ้น ขึ้นลงตามแนวโน้มของสภาพเศรษฐกิจ
ส่วนในเอเชีย ฟาร์ริส มีความเห็นว่า ตลาดหุ้นในเกาหลีใต้และไทยที่ได้ประโยชน์อย่างมากจากปัญหาการขาดแคลนชิพทั่วโลกในหลายภาคอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมรถยนต์ และอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และแนวโน้มการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศต่างๆในภูมิภาค นอกจากนี้ หุ้นไทยยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่อยู่ในช่วงขาขึ่้นด้วย