ราช กรุ๊ป ยันแผนเพิ่มทุนฯหนุนขยายลงทุนสร้างการเติบโตยั่งยืน

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ ประธานคณะกรรมการ  บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กล่าวว่า การที่ ราช กรุ๊ป เตรียมเพิ่มทุน 3 หมื่นล้านบาทนั้น เป็นการเตรียมเงินลงทุนสำหรับรองรับแผนการลงทุน 5 ปี ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 5 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายกิจการ รวมถึงรองรับโรงไฟฟ้าราชบุรีที่จะหมดอายุสัญญาลง ซึ่งแผนการลงทุนดังกล่าวจะมีทั้งโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานทดแทน ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย ที่ประกาศการลงทุนไปเมื่อเร็วๆนี้ ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากการเพิ่มทุน ผลประกอบการของบริษัท และเงินกู้

“แผนขยายการลงทุนของ RATCH ไม่ได้มองแค่ถ่านหิน ยังมีพลังงานทดแทนอีกหลายประเทศที่มีดีลเจรจาอยู่ ซึ่งจะเป็นการสร้างความยั่งยืนด้านรายได้ ของ RATCH ที่จะมาทดแทนโรงไฟฟ้าราชบุรี และการเข้าไปลงทุน โรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton ไม่ได้เป็นการเพิ่มจำนวน CO2 ของโลก เพราะไม่ใช่โรงไฟฟ้าใหม่ แต่เป็นการเดินเครื่องอยู่แล้วในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีทรัพยากรถ่านหินเป็นจำนวนมาก”

ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆนี้ ราช กรุ๊ป ได้ประกาศการลงทุน โรงไฟฟ้าพลังความร้อน โดยใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิต 2,045 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ Paiton Power Generation Complex  สาธารณะรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ด้านพลังงานของประเทศ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าสาธารณะรัฐอินโดนีเซีย หรือ PT Perusahaan Negara (PLN) คงเหลืออีก 21 ปี

ส่วนกรณีการประกาศเพิ่มทุนของ ราช กรุ๊ป วงเงิน 769.230770 ล้านหุ้น (Par 10 บาท) ในรูปแบบ Preferential Public Offering (โดยจะไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ ที่อาจส่งผลกระทบกับเงื่อนไขเวลา) ในอัตราส่วน 1.885 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่นั้น  ขณะนี้ ยังไม่ทราบว่าราคาเป็นเท่าไหร่  โดยจะต้องเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นฯให้ความเห็นชอบก่อน

ก่อนหน้านี้ ราช กรุ๊ป ระบุว่า การลงนามสัญญาเข้าซื้อสัดส่วนร่วมทุน 45.515% ในโรงไฟฟ้าถ่านหิน PT Paiton Energy (Paiton กำลังผลิต 2,045 เมกะวัตต์ บนสัดส่วน 100%) ในอินโดนีเซีย และ 65% ใน IPM Asia Pte. Ltd. (ธุรกิจเดินเครื่องและบำรุงโรงไฟฟ้าดังกล่าว) โดยคาดดีลนี้ จะเสร็จสมบูรณ์ภายใน มี.ค. 2565 (ยังไม่มีรายละเอียดดีลและมูลค่าการเข้าซื้อ) จากการขยายการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งส่วนของโรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton (equity MW : 931MW) และดีล M&A อื่นที่คาดจะสรุปได้ในปีนี้อีก 2 ดีล ทำให้บริษัทต้องดำเนินการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว