คุมระบาด 'โควิด-19' ล่าสุด! ปรับมาตรการ 'ร้านอาหาร' กทม.-ปริมณฑล
"ร้านอาหาร" ในกรุงเทพฯ - ปริมณฑล ต้องปรับตัวกันอีกครั้ง เมื่อมีการอัพเดทมาตรการใหม่ล่าสุด เพื่อควบคุมการระบาดของ "โควิด-19" ในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่มีท่าทีว่ายอดผู้ติดเชื้อจะลดลง
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) ราชกิจจานุเบกษา ได้แพร่คำสั่ง ศบค. ฉบับล่าสุด โดยมีการปรับโซนพื้นที่ใหม่ กล่าวคือ พื้นที่ควบคุมคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม จากเดิม 4 จังหวัด เป็น 10 จังหวัด ประกอบด้วย กทม., นครปฐม, นนทบุรี, นราธิวาส, ปทุมธานี, ปัตตานี, ยะลา, สงขลา, สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น
ส่วนที่มีการปรับแก้ที่สำคัญที่สุด คงหนีไม่พ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ เนื่องจากปัจจุบัน สถานการณ์การระบาด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ที่อยู่ในความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤติด้านสาธารณสุข เห็นได้จากผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่มีจำนวนมากกว่าหลายพันรายต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงต้องปรับมาตรการควบคุมการระบาด "โควิด-19" ใหม่ ให้รัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะมาตรการ "ร้านอาหาร"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สำหรับมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วน เฉพาะในเขตพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิ.ย.2564 ให้เพิ่มเติมมาตรการต่อไปนี้อย่างน้อย 30 วัน ได้แก่
1. ห้ามนั่งกินข้าวใน "ร้านอาหาร"
การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ร้านจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่ม ให้เปิดดำเนินการเฉพาะการซื้อแบบนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้น
2. งดนั่งกินอาหาร (ศูนย์อาหาร) ในห้างฯ
ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดดำเนินการถึง 21.00 น. โดยงดการให้บริการเพิ่มเติมในพื้นที่โรงมหรสพ โรงภาพยนตร์ สวนน้ำ พื้นที่นั่งรับประทานในศูนย์อาหาร
3. งดการจัดเลี้ยงในโรงแรม
โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการ ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติ โดยให้งดกิจกรรมจัดการประชุม การสัมมนา และการจัดเลี้ยง
4. ห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มเกิน 20 คน
กิจกรรมการรวมกลุ่ม ห้ามการจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของบุคคลรวมกันมากกว่า 20 คน เว้นแต่กรณีได้รับอนุญาตจากหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานกักกันโรค
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการอื่นๆ อีก ที่มีการปรับใหม่ ในโซนพื้นที่ควบคุมคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่
- มาตรการเร่งด่วนเพื่อสกัดกั้นการระบาดในพื้นที่เป้าหมายเฉพาะ
สำหรับเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ให้ดำเนินการต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 30 วัน เพื่อควบคุมและชะลอการระบาด ซึ่งพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนกระจายหลายพื้นที่ รวมทั้งสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเดินทางของกลุ่มเสี่ยง เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ออกเป็นวงกว้างสู่พื้นที่อื่น
โดยให้ประเมินสถานการณ์และความเหมาะสมของมาตรการทุก 15 วัน โดยให้นำมาตรการควบคุมบูรณาการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิ.ย.2564 ใช้บังคับกับพื้นที่ดังกล่าว
- การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง
เข้าควบคุมและป้องกันการระบาดในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณามีคำสั่งปิดแคมป์คนงานทุกประเภท รวมทั้งมีคำสั่งให้หยุดงานก่อสร้าง และห้ามการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงาน เป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 30 วัน
ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตรวจตราและกำหนดเงื่อนไขจำกัดการเดินทางเข้าออกสถานที่พัก และตั้งจุดตรวจและสกัดการเดินทางออกนอกเขตพื้นที่ พร้อมสั่งปรับปรุงสุขาภิบาลของสถานที่พักและตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นการตามมาตรการควบคุมโรค
- การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงาน
ดูแลกลุ่มแรงงานในสถานประกอบการและโรงงานในเขตพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบการปฏิบัติของผู้ประกอบการในสถานประกอบการหรือโรงงานให้เป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่เฉพาะ หรือ Bubble and Seal
- กำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมและตรวจคัดกรองการเดินทาง
ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ หรือจุดสกัด เพื่อคัดกรองการเดินทางอย่างน้อย 30 วัน ได้แก่
- เส้นทางเข้าออกจังหวัดชายแดนใต้ จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ให้ตั้งด่านตรวจอย่างเข้มงวด คนเดินทางเข้าออกต้องแสดงบัตรประชาชนหรือบัตรแสดงตนอื่นๆ คู่กับเอกสารรับรองความจำเป็นที่ออกโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหรือเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ เว้นแต่เป็นบุคคลที่ได้รับการยกเว้น
- เส้นทางเข้าออก กทม.และจังหวัดปริมณฑล การตั้งจุดตรวจเพื่อควบคุมการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานเพื่อทำงานเข้มเขตจังหวัดให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด ให้ผ่านเข้าออกได้เฉพาะแรงงานที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเพื่อทำงานข้ามจังหวัดจากผู้ว่าราชการจังหวัดต้นทางและปลายทาง ส่วนประชาชนที่ให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็น เพื่อมุ่งเน้นความปลอดภัยของประชาชน และต้องไม่ก่อความเดือดร้อนเกินสมควรแก่เหตุ
- เส้นทางเข้าออกจังหวัดอื่นๆ การตั้งด่านตรวจ ให้ดำเนินการเข้มงวดกรณีพบผู้เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด