'จีจีซี' ลุ้นดึง 'เนเชอร์เวิร์คส์' ลงทุนไบโอคอมเพล็กซ์เฟส2
จีจีซี เผย “เนเชอร์เวิร์คส์” จ่อลงทุนโรงงานไบโอพลาสติก PLA ขนาด 7.5 หมื่นตันต่อปี ในโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 2 คาดชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้ หวังผลักดัน Bio Hub แห่งแรกของอาเซียน และ Bio Complex แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย
ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2562 บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC ในเครือปตท.ร่วมกับบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ตอกเสาเข็มโครงการ“นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์” (Nakhonsawan Biocomplex : NBC) บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ในตำบลหนองโพ อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ถือเป็นโครงการ Bio Hub แห่งแรกของอาเซียน และ Bio Complex แบบครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยที่ใช้วัตถุดิบจากอ้อย ดำเนินการภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง GGC และ KTIS ในนาม “บริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเทรียล จำกัด” หรือ “GKBI”
โครงการนี้ ยังเป็นการนำร่องตามนโยบายโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ของประเทศ โดยจะเป็นการเพิ่มพื้นที่ศักยภาพและต่อยอดอุตสาหกรรมชีวภาพอย่างเต็มรูปแบบ อันเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจในประเทศโดยรวม อีกทั้งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย
โดยโครงการ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่หนึ่ง เป็นโครงการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมเคมีชีวภาพครบวงจร ประกอบด้วย โรงงานผลิตเอทานอล ไฟฟ้าชีวมวล ระบบสาธารณูปโภค และระบบส่งเสริมกระบวนการผลิตกลางของโครงสร้างพื้นฐาน และระยะที่สอง การลงทุนในอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GGC เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแผนขยายการลงทุนโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) เฟส 2 ขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ จากสหรัฐ(NatureWorks) เพื่อลงทุนโรงงานพลาสติกชีวภาพ (ไบโอพลาสติก) โพลีแลคติค แอซิด (Polylactic Acid : PLA) ขนาดกำลังการผลิต 7.5 หมื่นตันต่อปี คาดว่า จะมีความชัดเจนภายใน 1-2 เดือนนี้ และคาดว่า โครงการดังกล่าวจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2565
หลังจากบริษัท เนเชอร์เวิร์คส์ เอเชีย แปซิฟิก จำกัด ได้รับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อดำเนินโครงการผลิต PLA ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มูลค่าลงทุนประมาณ 400-500 ล้านดอลลาร์
“บริษัท สนใจร่วมลงทุนโครงการไบโอพลาสติกของเนอเชอร์เวิร์คส์ แต่คงต้องคุยเรื่องการป้อนไฟฟ้าและไอน้ำให้โครงการดังกล่าวก่อน จากนั้นจะคุยเรื่องการร่วมทุนระหว่างกันต่อไป”
เบื้องต้น บริษัทจะเป็นผู้ดำเนินการด้านสาธารณูปโภค อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าไบโอแมส เพื่อป้อนไฟฟ้าให้โครงการโครงการไบโอพลาสติก ของเนเชอร์เวิร์คส์ รวมถึง ไอน้ำ น้ำดิบ น้ำดี และกำจัดน้ำเสีย ให้โครงการดังกล่าวด้วย ซึ่งการเข้ามาลงทุนของเนเชอร์เวิร์คส์ จะเป็นผลดีต่อประเทศในการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจ้างงาน เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทก็ได้ศึกษาเพื่อดำเนินโครงการไบโอซัคซินิคแอซิด (Bio-Succinic Acid) เพื่อป้อนเป็นวัตถุดิบให้โครงการดังกล่าวด้วย
ส่วนความคืบหน้าโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (NBC) ที่บริษัท ร่วมกับกลุ่ม KTIS ดำเนินโครงการในเฟส 1 ซึ่งเป็นการก่อสร้างโรงงานเอทานอล กำลังการผลิต 6 แสนลิตรต่อวัน มูลค่าโครงการประมาณ 7,500 ล้านบาท ขณะนี้ การก่อสร้างจะแล้วเสร็จตามแผนในปลายปีนี้ และจะเริ่มผลิตในต้นปี 2565
ไพโรจน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ว่า น่าจะดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก หลังจากรัฐบาลทยอยฉีดวัคซีน ส่งผลให้มีการเดินทางมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าปริมาณการขายในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ หรือ B100 ,แฟตตี้แอลกอฮอล์ และกลีเซอรีน ซึ่งในส่วนของแฟตตี้แอลกอฮอล์นั้น จะได้รับผลบวกจากโรงงานที่ปิดซ่อมบำรุง ทำให้ความต้องการสินค้าจากบริษัทปรับเพิ่มขึ้น สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2564 นับว่าเป็นปีที่ท้าท้าย บริษัทจะดำเนินการให้ดีที่สุด
