'กรุงศรี' ชี้โควิดไร้กระทบเงินลงทุน 'ลูกค้ามั่งคั่ง' ตั้งเป้า AUM ปีนี้โตแตะ 8.8 แสนล้าน
"กรุงศรี" รุกธุรกิจเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนกลุ่มลูกค้ามั่งคั่ง ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ปีนี้ 1หมื่นราย เพิ่มขึ้น15% จาก1.2 แสนล้าน หนุน “เอยูเอ็ม”โต8 หมื่นล้าน แตะ 8.8 แสนล้าน
นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ในขณะนี้ ไม่ได้กระทบลูกค้ากลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธของธนาคารมากนัก เพราะมีการสะสมความมั่งคั่งมามากระดับหนึ่งแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูงและคนใกล้วัยเกษียณมีความมั่นคงทางการเงิน อีกทั้งยังมีแนวโน้มความต้องการออกไปลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในครึ่งหลังของปีนี้ จากครึ่งปีแรกปีนี้ เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศ เติบโต 10-15% จากสิ้นปี 2563
ดังนั้น ลูกค้ากลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธของธนาคาร ยังเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ธนาคารวางเป้าหมายปีนี้สู่การเป็น “Investment Wealth Advisory Bank" หรือธนาคารที่ลูกค้านึกถึงเมื่อต้องการคำแนะนำการลงทุน
ภายใต้กลยุทธ์แผนธุรกิจระยะกลางของกรุงศรี One Retail Transformation ด้วยการผนึกกำลังภายในกรุงศรี กรุ๊ปและพันธมิตรระดับโลก ส่งมอบองค์ความรู้ด้านการลงทุนในรูปแบบ“ONE Krungsri Investment View”ด้วยมุมมองและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ามากขึ้นและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้อย่างตรงจุด
เน้นบริการให้คำปรึกษาด้านการเงินการลงทุน ผ่านทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่คอยให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ควบคู่ไปกับการนำเสนอสิทธิประโยชน์มากมายให้กับลูกค้ากรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ ศูนย์บริการ ห้องรับรอง และพื้นที่รับรองพิเศษ
"กรุงศรีเชื่อมั่นว่าลูกค้ากลุ่มกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารจึงมุ่งมั่นในการพัฒนาและยกระดับบริการสำหรับลูกค้ากลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธในทุกๆ มิติ ฯลฯ"
ธนาคารวางเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้าใหม่ในกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธได้มากกว่า 15% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 10,000 คนในปีนี้ และเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากขึ้นกว่า 10% ต่อปี หรือเพิ่มขึ้น 80,000 ล้านบาทในปีนี้ จากปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้าในกลุ่มไฮเน็ตเวิร์ธราวกว่า 120,000 ราย และมี AUM ทั้งสิ้น 800,000 ล้านบาท
นายวิน กล่าวว่า ในครึ่งหลังของปีนี้ สำหรับกลุ่มลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธของธนาคาร ที่มีสินทรัพย์การลงทุน 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งธนาคารแนะจัดพอร์ต คาดหวังผลตอบแทน 4-6% ต่อปี แบ่งสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 30% เพื่อรับผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝาก , หุ้น 50% จากตลาดหุ้นยังมีอัพไซด์ตามภาพเศรษฐกิจและการเร่งกระจายวัคซีน และการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือก อย่างกองรีทอีก 20% เพื่อโอกาสรับปันผล 5% ในปีนี้ค
"เรายังแนะนำการลงทุนหลากหลายทั้งเงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้น และการลงทุนสินทรัพย์ทางเลือกทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งลูกค้าของธนาคารให้ความสนใจออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จากแนวโน้มครึ่งปีหลังที่คาดว่าตลาดยังจะปรับขึ้นได้ ตามการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการกระจายวัคซีน เช่น การลงทุนในกองทุนหุ้นยุโรป ,กองทุนหุ้นโลกในกลุ่มที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ( ESG) ส่วนการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรงอาจไม่ใช่ทางเลือกของลูกค้ากลุ่มนี้ แต่น่าจะสามารถเทรด ETF ที่ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีได้"