‘พิพัฒน์’ ลุยถกขุนคลัง ‘อาคม’ ขอซอฟท์โลน 1 หมื่นล้านกู้ชีพธุรกิจท่องเที่ยว
“พิพัฒน์” ลุยถกขุนคลัง “อาคม” ภายในเดือน ก.ค.นี้ ขอซอฟท์โลน 1 หมื่นล้านบาท หนุนรีสตาร์ทธุรกิจกู้ชีพท่องเที่ยวไทย รับนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วันของ “บิ๊กตู่”
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้หารือกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ หนึ่งในข้อเสนอสำคัญที่ทุกสมาคมต้องการคือการผลักดันให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อนำมารีสตาร์ทธุรกิจรองรับนโยบายการเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือภายในเดือน ต.ค.นี้ หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา
“ผมจึงเตรียมขอหารือกับนายอาคม พิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อขอให้พิจารณาจัดสรรสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงิน 1 หมื่นล้านบาท จาก พ.ร.ก.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทก้อนล่าสุด เพื่อนำมาช่วยเหลือธุรกิจท่องเที่ยวรายกลางและรายย่อย (เอสเอ็มอี) ที่ต้องการเงินกู้ไปรีสตาร์ทธุรกิจอีกครั้ง โดยรูปแบบการขอสินเชื่อ จะเป็นการให้ธุรกิจจับคู่มากู้และค้ำประกันไขว้กัน”
ด้านการฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวในประเทศซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 3 ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงการท่องเที่ยวฯมีแนวคิดกระตุ้นการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดที่มียอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันน้อยมาเที่ยวกันเองก่อน เพราะไม่สามารถรอให้ทั้งประเทศไม่พบยอดผู้ติดเชื้อใหม่ได้ โดยขึ้นอยู่กับคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ ว่าอนุญาตให้คนในจังหวัดไหนมาเที่ยวได้แบบไม่ต้องกักตัว 14 วัน
ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 ซึ่งเพิ่มการจองสิทธิใหม่อีก 2 ล้านสิทธิ และโครงการทัวร์เที่ยวไทย จำนวน 1 ล้านสิทธิ ตามแผนเดิมต้องการเปิดให้นักท่องเที่ยวจองสิทธิในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ จะขยายระยะเวลาใช้สิทธิไปท่องเที่ยวได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2564 ตามที่ได้หารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไว้แล้ว แค่รอประกาศกำหนดการอย่างเป็นทางการ
และเมื่อดูเฉพาะโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องการช่วยเหลือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเที่ยว วงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะช่วยจ่ายเงิน 40% ของราคาแพ็คเกจทัวร์ สนับสนุนให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยว จำนวน 1 ล้านสิทธิ สูงสุดไม่เกิน 5,000 บาทต่อสิทธิ ของราคาแพ็คเกจทัวร์ไม่เกิน 12,500 บาท สำหรับโปรแกรมนำเที่ยวอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน โดยจะให้ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป รายการนำเที่ยวที่เลือกซื้อต้องเป็นการเดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวแบบข้ามจังหวัดในวันธรรมดาเท่านั้น ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมโปรแกรมกลางทาง
“ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯมองว่าหากการจองใช้สิทธิโครงการทัวร์เที่ยวไทยมีจำนวนน้อย เช่น มีการใช้สิทธิเพียง 50% หรือที่ 5 แสนสิทธิ หลังติดตามฟีดแบ็กของโครงการฯซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนนับตั้งแต่ประกาศให้ประชาชนเริ่มจองสิทธิ จะขอทบทวนโครงการฯ โดยหารือกับภาคเอกชน ตัวแทนบริษัทนำเที่ยว และทาง สศช.เพิ่มเติม เพื่อขอนำงบประมาณส่วนที่เหลือไปจัดทำโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวอื่นๆ มาเสริมแทน เพื่อให้งบประมาณวงเงิน 5,000 ล้านบาทถูกนำไปต่อยอด เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบมากที่สุด” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว