ไทยเล็งชิลีเป็นศูนย์กระจายสินค้าเพิ่มโอกาสส่งออกไปกลุ่มประเทศลาติน
ชิลีขอไทยช่วยหนุนเข้าร่วมเอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ พร้อมแจ้งสนใจนำเข้า “มังคุด-ลองกอง” “จุรินทร์”ชวนภาคเอกชนชิลี เข้าร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ สินค้าอาหาร เครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์ และบริการขนส่ง เล็งใช้ชิลีเป็นศูนย์กระจายสินค้า
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังนายคริสเตียน เรเรน บาร์เกตโต เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐชิลีประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะและอำลา ที่กระทรวงพาณิชย์ว่า ทูตชิลีได้ขอให้ไทยช่วยสนับสนุนชิลีที่จะขอเข้าร่วมความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ (FTA) อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งได้แจ้งท่านทูตว่าระหว่างวันที่ 21-22 ก.ค.2564 จะมีการประชุมคณะกรรมการร่วมระหว่างอาเซียนกับออสเตรเลีย และ เอฟทีเอ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ซึ่งได้เชิญชิลีเข้าร่วมในการหารือเรื่องนี้แล้ว
ทั้งนี้ ชิลียังได้แจ้งความสนใจที่จะนำเข้าผลไม้ไทยมากขึ้น โดยเฉพาะมังคุดและลองกอง ซึ่งเป็นที่นิยมของชาวชิลีมาก และพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในการพัฒนาวัคซีนร่วมกันต่อไป
ส่วนไทย ได้ขอให้ชิลีช่วยสนับสนุนภาคเอกชนของชิลี เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกของไทย 3 กิจกรรมในช่วงปีนี้ ได้แก่ 1.กิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) สินค้าอาหาร เครื่องประดับ และชิ้นส่วนยานยนต์ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 3 ส.ค.2564 ซึ่งมีกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และแอฟริกาตอบรับเข้าร่วมแล้วหลายประเทศ 2.กิจกรรม THAIFEX Anuga Asia 2021 วันที่ 29 ก.ย.-3 ต.ค.2564 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี 3.กิจกรรม TILOG Virtual Exhibition ออนไลน์ เพื่อส่งเสริมการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าของผู้ประกอบการไทย วันที่ 25-27 ส.ค.2564 ซึ่งชิลีจะได้เข้ามาใช้บริการในการส่งสินค้าไปชิลีหรือไปยังประเทศอื่น
ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ชิลี ซึ่งเป็นสมาชิกเอเปก ช่วยสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปกในปี 2565 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ย.2564 ซึ่งชิลีพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ
นายจุรินทร์กล่าวว่า ไทยยังมีโอกาสที่จะขยายการค้ากับชิลีได้อีกมาก โดยสามารถใช้ชิลี เป็นประตูในการส่งออกสินค้าไปยังกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา และเหมาะที่จะเป็นจุดตั้งศูนย์กระจายสินค้าของไทย ไปยังกลุ่มประเทศลาติน โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมสนับสนุนภาคเอกชนที่จะไปลงทุนตั้งศูนย์กระจายสินค้า เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกให้กับสินค้าไทย
ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทย-ชิลี มีจุดเชื่อมโยงกัน 3 จุด ได้แก่ 1.ไทยและชิลี มีเอฟทีเอระหว่างกันตั้งแต่เดือนพ.ย.2558 ขณะนี้ได้มีการลดภาษีระหว่างกันเหลือ 0% โดยมีสินค้ามากถึง 98% ของรายการสินค้าทั้งหมดที่ค้าขายระหว่างกัน 2.ไทย-ชิลี เป็นสมาชิกเอเปกด้วยกัน และ 3.เป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (WTO) ด้วยกัน
ทางด้านการค้า ชิลีเป็นคู่ค้าลำดับที่ 4 ของไทยในกลุ่มลาตินอเมริกา รองจากเม็กซิโก บราซิลและอาร์เจนตินา โดยในช่วง 5 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ค.) มีมูลค่า 476 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 14,453 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.6% โดยไทยส่งออกไปยังชิลี 7,793 ล้านบาท และนำเข้า 6,660 ล้านบาท ได้ดุลการค้า 1,132 ล้านบาท โดยสินค้าส่งออกที่เติบโตมาก เช่น ทูน่ากระป๋อง เพิ่ม 15% สับปะรดกระป๋อง เพิ่ม 62% เครื่องซักผ้า อบผ้า เพิ่ม 94% ตู้เย็น ตู้แช่ เพิ่ม 82% ยางและผลิตภัณฑ์ยาง เพิ่ม 198% และรถยนต์และอะไหล่รถยนต์ เพิ่ม 63% เป็นต้น