EE เล็งขายหุ้น ‘SSUT’ให้ EP มูลค่า 1.24 พันล้าน

EE เล็งขายหุ้น ‘SSUT’ให้ EP มูลค่า 1.24 พันล้าน

อีเทอเนิล เอนเนอยี เตรียมขายหุ้น ‘SSUT’ให้ EP มูลค่า 1.24 พันล้าน หนุนบริษัทมีกระแสเงินสดและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น

บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ  EE แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) ว่า สืบเนื่องจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่4/2564 เมื่อ วันที่31 พฤษภาคม2564 ได้มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่4/2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการจำหน่ายเงินลงทุนใน “บ.เอสเอสยูที หรือ SSUT”ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของบริษัทจำนวน 7,297,500 หุ้น จากทั้งหมด 29,190,000 หุ้นมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 25.00% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วจำนวน2,919 ล้านบาท ให้แก่ “บ.อีสเทอร์นโคเจนเนอเรชัน หรือ ECOGEN ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ “บมจ.อีสเทอร์นพาวเวอร์กรุ๊ป หรือ EP” คิดเป็นมูลค่าทั้งสิน1,246.12 ล้านบาท หรือ170.76 บาทต่อหุ้น

โดยบริษัทจึงได้แต่งตั้งบ.สีลม แอ๊ดไวเซอรี (IFAหรือที่ปรึกษาฯ)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทในครั้งนี้ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาลงมติ

สำหรับข้อดีของการเข้าทำรายการ  คือ บริษัทมีกระแสเงินสดและสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ,บริษัทสามารถนำเงินที่ได้จากการเข้ารายการในครั้งนี้ไปลงทุนในธุรกิจที่บริษัทมีความชำนาญและอาจมีโอกาสได้รับผลตอบแทนทีดีกว่า,ราคาที่บริษัทจะเข้าทำรายการเป็นราคาที่สูงกว่าราคายุติธรรม  และบริษัทจะมีกำไรจากการขายหุ้นสามัญของ SSUT

162582220458

โดย ณ 31 มีนาคม2564 บริษัทมีเงินลงทุนใน SSUT ตามวิธีส่วนได้เสียเท่ากับ1,066.02 ล้านบาท การจำหน่ายเงินลงทุนที่ราคา 1,246.12 ล้านบาท จะทำให้บริษัทมีกำไรก่อนหักภาษีประมาณ180 ล้านบาท ซึ่งจะถูกกบันทึกในงบกำไรขาดทุน

นอกจากนี้ ที่ปรึกษาการลงทุน ยังเห็นว่ามูลค่าที่เข้าทำรายการมีความเหมาะสม เนื่องจากราคาขายที่1,146.12ล้านบาทหรือ170.76 บาทต่อหุ้นนั้นสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมของหุ้นสามัญของSSUTซึ่งอยู่ระหว่าง 4,300.98 – 4,662.68 ล้านบาท หรือ147.34 – 159.74 บาทต่อหุ้น ดังนั้น FA จึงมีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรลงมติอนุมัติการเข้าทำรายการจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ในครั้งนี้

สำหรับ SSUT ประกอบธุรกิจผลิตไฟฟ้าขนาดเล็ก(SmallPowerProducer:SPP) และไอน้ำร่วมกันในระบบCogenerationโดยใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าและความร้อนโครงการตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปูจังหวัดสมุทรปราการมีกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงสุด 240 MW และกำลังการผลิตไอน้ำสูงสุด60 ตันต่อชั่วโมง