'ฉีดวัคซีนโควิด 19' ครบ2 โดส เสี่ยงติดโควิด เสี่ยงเสียชีวิต
ศบค.ย้ำประชาชนตรวจ 'Rapid Test Kit' ผลเป็นลบก็ต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง และตรวจซ้ำ ตั้ง 'ทีม CCRT' ปฎิบัติการป้องกันโควิดเชิงรุกในกทม. พร้อมเฝ้าระวังคลัสเตอร์ 'ตลาด' แจง 'ฉีดวัคซีนโควิด 19' ครบ2 โดสเสี่ยงติดโควิด เสี่ยงเสียชีวิต
ศบค.แถลงยอดผู้ป่วยโควิด 19 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,656 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต 80 ราย และวันนี้ (12 ก.ค.2564) เป็นวันแรก ของการดำเนินการยกระดับมาตรการ ล็อกดาวน์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด 19
- จัดตั้ง 'ทีม CCRT' ปฎิบัติการป้องกันโควิดเชิงรุกในกทม.
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า ขณะนี้สถานการณ์ในกทม.และปริมณฑล มียอดผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และมีความต้องการเตียงจำนวนสูง ตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการหารือให้ผู้ป่วยแยกกันตัวที่บ้าน Home isolation และ Community Isolation หรือแยกกันตัวในชุมชน วันนี้อธิบดีกรมการแพทย์ ได้รายงานว่าขณะนี้มีรถนำส่งผู้ป่วยระดับเขียวเพื่อไปแยกตัวที่บ้านจำนวนมาก ซึ่งขอความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ว่าขอสงวนให้ผู้ป่วยที่ต้องใช้ผู้ป่วยเตียงเหลือง
ตอนนี้ มีการจัดทำแผนปฎิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคโควิด 19 เชิงรุก โดยมีการจัดตั้ง ทีม CCRT (มีการแต่งกายด้วยชุด PPE) 200 ทีม ซึ่งจะประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เขตทั้ง 50 เขต มีเจ้าหน้าที่ ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข (ศบส.) เจ้าหน้าที่สธ. และกรรมการชุมชน อสส.จิตอาสา
สำหรับบทบาทการทำหน้าที่ของทีมนี้ จะคัดกรองผู้ป่วยในชุมชน และแยกผู้ป่วยออกจากคนปกติได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงจะมีการให้ยา และถ้าผู้ป่วยสีเขียวมีความต้องการจะรักษาแบบกักตัวที่บ้าน ก็จะให้เข้าร่วมมาตรการ Home isolation หรือมีการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนแต่เป็นกลุ่มสีเขียว ก็อาจจะให้เข้ามาตรการ Community Isolation
อีกทั้งเป็นค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและกักกันเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น เพื่อลดการเดินทางของประชาชนมายังจุดตรวจหาเชื้อ ทำให้ลดความแออัดและโอกาสการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้ รวมถึงเป็นการรักษาพยาบาลขั้นต้นก่อนส่งต่อเข้าระบบการรักษาพยาบาล และเพื่อสื่อสารทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับโควิด 19
- ระบุตรวจ'Rapid Test Kit' ผลเป็นลบ ต้องเฝ้าระวัง
ทั้งนี้ ส่วนอุปกรณ์ในการตรวจนั้น จะมีชุดตรวจ ในการตรวจ Rapid Test Kit ซึ่งชุดตรวจดังกล่าวมีการใช้ในโรงพยาบาลอยู่แล้ว แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องความแม่นยำต่ำ จึงไม่ได้ให้มีการนำมาใช้ก่อนหน้านี้ แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยน มีการติดเชื้อจำนวนมาก หากต้องรอผลตรวจ 1-2 วัน อาจจะทำให้มีการติดเชื้อขยายในวงกว้างได้ ส่วนเรื่องของการนำมาใช้นั้น สธ. ได้มีการประชุมหารือทบทวนในเรื่องของมาตรฐาน Rapid Test Kit เนื่องจาก Rapid Test Kit มีจำนวนมาก การจะให้ประชาชนนำไปใช้ ต้องเป็น Rapid Test Kit ที่ได้มาตรฐาน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการใช้ Rapid Test Kit นั้น ต่อให้ผลตรวจออกมาเป็นลบ ก็ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนนิ่งนอนใจ ต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง แยกกักตัวเอง และขอให้มีการตรวจซ้ำ และหากการตรวจด้วยวิธีดังกล่าวมีผลเป็นลบ ขอให้เข้าระบบและติดต่อสายด่วน 1330 โดยเร็ว เพื่อเข้าไปสู่การตรวจอีกครั้งและเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ปลอดภัย นอกจากนั้น ทีมชุดตรวจดังกล่าวจะมีวัคซีน เวชภัณฑ์ยา ชุด HI HQ Emergency
- 'ฉีดวัคซีนโควิด 19' ครบ2 โดส เสี่ยงติดโควิด เสี่ยงเสียชีวิต
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อไปว่าการ ฉีดวัคซีนโควิด 19 นั้นใน 2 สัปดาห์ถัดจากนี้ ได้ขอให้หน่วยฉีดวัคซีนโควิด 19 ทั้งในกทม.และปริมณฑล เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่ม 7 โรคเรื้อรังให้ได้มากที่สุด เพราะกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเสี่ยงที่เมื่อมีอาการติดเชื้อจะเข้าสู่อาการรุนแรง และเสียชีวิตได้ ซึ่งที่ผ่านมากทม.ได้ฉีดเพิ่มไปแล้วให้กลุ่มผู้สูงอายุ แล้ว 6,000 โดส
“แม้ฉีดวัคซีนครบแล้ว 2 โดส อาจจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ และมีโอกาสเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน มีข้อมูลของสหรัฐอเมริกา อย่าง ลอสแอนเจลิสมีประชากรฉีดวัคซีน 4.5 ล้าน ครบ 2 คนอัตราการติดเชื้อมีอยุ้ ประมาณ 2,190 คน คิดเป็น 0.048% ในจำนวนนี้มี 192 คน มีอาการหนักจนเข้ารพ. คิดเป็น 0.0042% และมีการพบคนเสียชีวิต 20 คน หรือคิดเป็น 0.0004% ดังนั้น นักวิชาการได้มีการวิเคราะห์กลุ่มที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเสียชีวิตเป็นกลุ่มที่มีผู้คุ้มกันบกพร่อง เช่น กลุ่มเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ หรือผู้ที่อยู่ในดงเชื้อ มีการระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งใน ลอสแอนเจลิส มีผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้า 50% “ พญ.อภิสมัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มมาตรการในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไป 2 สัปดาห์ ซึ่งคาดหวังว่าจำนวนผู้ป่วยโควิด 19 จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ขอความร่วมมือของพี่น้องประชาชนในการปฎิบัติตามมาตรการดังกล่าว และขอให้กำลังใจกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในการดูแล และเฝ้าระวังอย่างเคร่งครัด
- เฝ้าระวัง 'ตลาด' คลัสเตอร์ใหม่ ผู้ติดเชื้อสูง
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่าสำหรับ ผู้ป่วยรายใหม่ วันที่ 11 ก.ค.3564 ใน 10 จังหวัดอันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพฯ 2,399 ราย สมุทรสาคร 591 ราย สมุทรปราการ 405 ราย ชลบุรี 399 ราย ปทุมธานี 397 ราย นครปฐม 315 ราย นนทบุรี 313 ราย ปัตตานี 215 ราย ยะลา 201 ราย และสงขลา 188 ราย
ทั้งนี้ สำหรับ คลัสเตอร์ใหม่ ในประเทศนั้น พบว่า มีการพบผู้ติดเชื้อในหลาย ตลาด ทั้งที่ มีการย้ำเตือนในเรื่องมาตรการตลาดมาตลอด ซึ่งการติดเชื้อในตลาด นำไปสู่การติดเชื้อในชุมชน ครอบครัว และล่าสุดมีการรายงานพบว่ายังมีผู้รวมกลุ่มสังสรรค์ ปาร์ตี้วันเกิดประมาณ 100 กว่าคน ในกลุ่มนี้ไม่มีใครสวมใส่หน้ากากอนามัย และมีการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน
อยากขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน อย่ามองว่าจังหวัด พื้นที่ตัวเองไม่ได้เป็นสีแดงเข้ม ไม่ใช่พื้นที่ควบคุมเข้มงวด แล้วเดินทางข้ามจังหวัด หรือรวมกลุ่มสังสรรค์ เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน อยากเน้นย้ำให้ระมัดระวัง สวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน และในขณะนี้แม้อยู่ในบ้านก็ต้องระมัดระวังสูงด้วยเช่นกัน
สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ ที่พบผู้ติดเชื้อ มีดังนี้ จ.ชลบุรี พื้นที่ศรีราชา ตลาดสดรัตนากร 29 ราย ปทุมธานี พื้นที่ลำลูกกา บริษัทผลิตอุปกรณ์แก็ส 13 ราย สุราษฎร์ธานี พื้นที่เมืองสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลเอกชน นครศรีธรรมราช พื้นที่เมืองนครศรีธรรมราช ร้านอาหาร 12 ราย กาญจนบุรี พื้นที่เมืองกาญจนบุรี ตลาดสายหยุด 7 ราย ปราจีนบุรี พื้นที่เมืองปราจีนบุรี บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 22 ราย และตาก พื้นที่แม่สอด บริษัทชิปปิ้ง 7 ราย
สำหรับการรายงาน ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ (Phuket Sandbox) นั้น ขณะนี้ทางจังหวัดได้ขอความร่วมมือทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางเข้าภูเก็ต ขอให้ปฏิบัติดังนี้ ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสอย่างน้อย 14 วัน เป็นผู้หายป่วยจากโควิดมาแล้วไม่เกิน 90 วัน ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ด้วยวิธี Antigen Test หรือRT-PCB
ต้องดาวน์โหลด App หมอชนะ และยินยอมให้แชร์โลเคชั่นตลอดเวลาที่อยู่ในภูเก็ต แสดงเอกสารหลักสูตรข้างต้นต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อก่อนเข้าจังหวัดภูเก็ต และสังเกตอาการด้วยตนเองตามมาตรการป้องกันควบคุมโรค หากพบอาการป่วย หรือสงสัยว่ามีอาการป่วยโควิด ให้พบแพทย์โดยด่วน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: ปลดล็อก 'Rapid Antigen Test' ตรวจ 'โควิด-19' ได้เอง ลดแออัด
- พบยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,656 ราย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ พบ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,656 ราย จำแนกเป็นติดเชื้อใหม่ 8,583 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 73 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 24 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 จำนวน 316,164 ราย หายป่วยกลับบ้าน 3,687 ราย หายป่วยสะสม 224,232 ราย
ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 80 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสม 2,697 คน อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ป่วยยืนยันสะสมตั้งแต่ปี 2563 มีจำนวน 345,027 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 2,791 รายแล้ว ส่วนผู้ป่วยรักษาอยู่ในโรงพยาบาลในขณะนี้ มี 90,578 ราย แบ่งเป็นรักษาในโรงพยาบาล 51,288 ราย และโรงพยาบาลสนาม 39,290 ราย อาการหนัก 2,895 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 747 ราย
ส่วนผู้รับวัคซีนข้อมูล 28 ก.พ.- 11 ก.ค.2564 มีผู้รับวัคซีนฉีดแล้ว 12,569,213 โดส แบ่งเป็นเข็มที่ 1จำนวน 9,301,407 ราย และเข็มที่ 2 จำนวน 3,267,806 ราย
- ย้ำมาตรการป้องกันตนเอง มีการติดเชื้อกระจายสู่ครอบครัว
พญ.อภิสมัย กล่าวต่อว่าสำหรับ ผู้ป่วยโรคโควิด 19 เสียชีวิต ทั้ง 80 ราย แบ่งเป็น กทม. 44 ราย สมุทรปราการ 6 ราย ปทุมธานี 3 ราย สมุทรสาคร 3 ราย ปัตตานี 5 ราย ยะลา 2 ราย กำแพงเพชร 2 ราย และสงขลา เชียงราย เพชรบุรี กาญจนบุรี ภูเก็ต นครนายก ชลบุรี พิจิตร สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ อยุธยา อ่างทอง อุตรดิตถ์ สมุทรสงคราม อุดรธานี จังหวัดละ 1 ราย
ปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไต ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคตับ มะเร็ง โรคปอด ตั้งครรภ์ 28 สัปดาห์ หรือ 7 เดือน ไม่มีโรคประจำตัว
ส่วน ปัจจัยเสี่ยง ต่อการติดเชื้อโควิด 19 ได้แก่ คนอื่นๆ คนในครอบครัว เข้าไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน อาศัย/เดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด ประกอบอาชีพเสี่ยง และระบุไม่ชัดเจน สำหรับค่ากลางระยะเวลาวันที่ทราบผลติดเชื้อจนถึงเสียชีวิต พบว่า 10 วัน (นานสุด 61 วัน ) 24 ราย( 30%) มากกว่า 14 วัน 27 ราย (34%) ตั้งแต่ 7-14 วัน 29 ราย (36%) ไม่เกิน 6 วัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยังมีการเดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ ทั้งทางภาคใต้ 4 ราย ซึ่งมีทั้งผู้ที่ไม่มีอาการและมีอาการติดเชื้อ เช่นเดียวกับมีผู้ที่เดินทางมาจากเมียนมาร์ มี 7 ราย ที่เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติอย่างผิดกฎหมาย