ทริสปรับเครดิตพินิจเซ็นทรัลพัฒนา”เชิงลบ”
ทริสเรทติ้งประกาศแนวโน้มเครดิตพินิจ “เชิงลบ” อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ของเซ็นทรัลพัฒนา หลังประกาศซื้อสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์
ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Negative” หรือ “ลบ” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากการออกประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ที่ระบุว่าบริษัทจะเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 30.36% ใน บริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) จาก บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยธุรกรรมดังกล่าวมีมูลค่า 7.8 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ภายหลังจากธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว บริษัทมีหน้าที่จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ต่อไป และหากบริษัทสามารถซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ได้ก็จะทำให้การทำธุรกรรมทั้งหมดมีมูลค่าสูงถึง 2.56 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนของบริษัทจะมาจากการกู้ยืม
บริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ เป็นผู้นำในการพัฒนาศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตี้มอลล์ในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและบริหารศูนย์การค้าจำนวน 18 แห่ง ซึ่งรวมถึงการถือหุ้นในสัดส่วน 49% ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่คือ “เมกาบางนา” อีกด้วย
ทั้งนี้รายได้ค่าเช่าและบริการของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ อยู่ที่จำนวน 1.1-1.5 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และยังมีส่วนแบ่งกำไรจากกิจการร่วมค้าอีกจำนวน 1.2-1.8 พันล้านบาทต่อปีอีกด้วย ในการนี้การทำธุรกรรมดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) ของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ และความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป ซึ่งจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2564 ที่จะถึงนี้
ทริสเรทติ้งประเมินว่าการซื้อหุ้นดังกล่าวจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจศูนย์การค้าของบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลย่านบางนา อย่างไรก็ตามในกรณีที่การทำธุรกรรมดังกล่าวต้องใช้เงินกู้ยืมเป็นแหล่งเงินทุน ทริสเรทติ้งจึงมีความกังวลว่าสถานะทางการเงินของบริษัทมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลง
ทริสเรทติ้งจะทบทวนเครดิตพินิจของบริษัทอีกครั้งเมื่อการทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทสยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ เสร็จสิ้นและเมื่อทริสเรทติ้งได้ทำการวิเคราะห์แผนการปรับโครงสร้างทุนของบริษัทรวมทั้งผลกระทบจากการทำธุรกรรมดังกล่าวที่จะมีต่อสถานะเครดิตของบริษัทอย่างถี่ถ้วนแล้ว