บลจ. ยูโอบี ลุยเข็น 'กองทุนESG’ ดันเป้าAUM ปีนี้แตะ2.8แสนล้าน
"บลจ.ยูโอบี" ชี้หุ้นไทยน่าสนใจเทียบเคียงหุ้นทั่วโลก มองล็อกดาวน์รอบใหม่กระทบระยะสั้น แนะปรับพอร์ต เพิ่มน้ำหนักลงทุน"สินค้าโภคภัณฑ์- กองทุนอสังหาฯ ทั่วโลก-พันธบัตรรัฐบาล"ตั้งเป้าดัน"เอยูเอ็ม"ปีนี้้โต15%แตะ 2.8 แสนล้าน
นายกุลฉัตร จันทวิมล รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยครึ่งหลังปี 2564 ในเชิงพื้นฐานแม้ไม่โดดเด่นมาก แต่อยู่ในกลุ่มสินทรัพย์ที่นักลงทุนต่างชาติถือไม่มาก เห็นจากแรงขายยังมีต่อเนื่อง จึงมีโอกาสลุ้นฟื้นตัว เมื่อเปรียบเทียบความน่าสนใจที่ระดับปัจจุบันถือว่าใกล้เคียงกับหุ้นทั่วโลก
สำหรับช่วงมีมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ครั้งนี้คาดว่าส่งผลกระทบระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทยดัชนีอาจลงได้ราว 45-60 จุด แต่ไม่ลากยาว ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยไม่มากแล้ว
ดังนั้น กลยุทธ์ในช่วงครึ่งหลังปี 2564 แนะนำนักลงทุน ปรับพอร์ตด้วยการลดสัดส่วนลงทุนในหุ้นเอเชียและตราสารหนี้ประเภท กลุ่มระดับลงทุน( Investment grade)ลง และเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ที่เคลื่อนไหวตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก และพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจาก เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น และความเสี่ยงโควิด -19 อาจกดดัน ส่วนการลงทุนหุ้นไทยแนะ รอจังหวะหุ้นปรับตัวลง
นายกุลฉัตร กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทยังตั้งเป้าหมายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ที่ 280,000 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2564 มี AUM ที่ 248,937ล้านบาท ยังเติบโตดีต่อเนื่อง ที่ 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
สำหรับกลยุทธ์ในครึ่งหลังปี 2564 บริษัทเตรียมการนำเสนอทางเลือกการลงทุนเพิ่มเติม โดยยังเน้นหลักด้านการลงทุนยั่งยืน (Sustainable Investing) หรือ “ธีม ESG”ต่อเนื่อง ให้นักลงทุนผ่านการลงทุน Thematic เน้นลงทุนระยะยาวตามเทรนด์โลกในอนาคต (Megatrends) รวมถึงมองหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสและกระจายการลงทุนให้กับนักลงทุน