'สรรพสามิต-กรมศุล' ยัน! ไม่เก็บภาษี 'ผ้าอนามัยแบบสอด' เพิ่ม เก็บเพียง vat 7%

จากกรณีกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประกาศให้ "ผ้าอนามัยแบบสอด" เป็นเครื่องสำอาง ทำให้ประชาชนกังวลว่าจะทำให้ต้องมีภาระเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอัตราภาษีฟุ่มเฟือยอยู่ที่ 30% นั้น ล่าสุดวันนี้ (22 ก.ค.) นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษี แต่เป็นประกาศเพื่อเป็นการควบคุมตามกฎหมายของสาธารณสุข

นายพชรยืนยันว่า ในส่วนของกรมศุลกากร ไม่มีนโยบายเพิ่มอัตราภาษีสินค้าผ้าอนามัยแบบสอดแต่อย่างใด ที่สำคัญหากมีการนำเข้าโดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ก็จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้าอีกด้วย

นอกจากนี้ กรุงเทพธุรกิจได้สอบถามเพิ่มเติมผ่านเพจเฟซบุ๊ค กรมสรรพสามิต และได้รับคำตอบยืนยันว่า "กรมสรรพสามิต ไม่มีนโยบายจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และไม่เคยกำหนดผ้าอนามัยอยู่ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตด้วย โดยปัจจุบันผ้าอนามัยเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เท่านั้น ไม่ได้เสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยหรือมีเพดานการจัดเก็บภาษีที่สูงแต่อย่างใด เนื่องจากสินค้าผ้าอนามัยไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นสินค้าที่มีความจำเป็นที่ผู้หญิงต้องใช้ในชีวิตประจำวัน"

ขณะที่นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรมฯไม่มีนโยบายจัดเก็บภาษีผ้าอนามัยเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย และไม่เคยกำหนดผ้าอนามัยอยู่ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตด้วย

นายลวรณ เสริมว่า ปัจจุบัน ผ้าอนามัยเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat)​ 7% เท่านั้น ไม่ได้เสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยหรือมีเพดานการจัดเก็บภาษีที่สูงแต่อย่างใด เนื่องจากสินค้าผ้าอนามัยไม่ได้เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็นสินค้าที่มีความจำเป็น ที่ผู้หญิงต้องใช้ในชีวิตประจำวัน

"นิยามการเสียภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย คือ ถ้าไม่มีใช้ก็ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันก็ถือว่าเป็นสินค้าที่ไม่ฟุ่มเฟือย โดยปัจจุบันกรมสรรพสามิตมีการจัดเก็บภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยเพียงรายการเดียว คือ น้ำหอมในอัตราภาษีตามมูลค่าที่ 8%"