นายกฯ‘ไม่ออก’ ระวังวิกฤติซ้อนวิกฤติ
"4โจทย์ใหญ่" ที่รัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ ควรนำไปพิจารณาท่ามกลางวิกฤติโควิดเช่นนี้
คงได้ยินได้ฟังกันถ้วนทั่วแล้วว่าท่านนายกฯประยุทธ์ “ไม่ลาออก -ไม่ยุบสภา” เพราะยังไม่ใช่เวลา ช่วงนี้กำลังแก้ไขปัญหาโควิดอย่างเต็มกำลัง ผลงานก็มี ถ้ายังไม่เห็นก็ช่วยไปหากันให้เจอด้วย ฯลฯ
เมื่อท่านนายกฯสรุปเจตนารมณ์มาชัดเจนแบบนี้ ก็คงเหลืออีก 2 วิธีสำหรับคนที่ไม่ต้องการท่านจะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ก็คือ จัดชุมนุมแสดงจุดยืน (แต่แนวทางนี้เสี่ยงโควิด และผิดกฎหมายหลายฉบับ) กับเสนอข้อเรียกร้องเพื่อกดดันให้ท่านปรับปรุงวิธีการทำงานอย่างเร่งด่วน
ในเรื่องปรับวิธีการทำงาน ผมเห็นว่ามี 4 เรื่องที่เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปรับทันที
1.ฟื้นความเชื่อมั่น เพราะจะเห็นได้ว่าตอนนี้ประชาชนจำนวนมากไม่เชื่อมั่นในตัวท่านและรัฐบาลของท่านว่าจะหยุดการแพร่ระบาดของโควิด หยุดการสูญเสียชีวิตของผู้คนได้ ทั้งยังลุกลามไปถึงความไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลของท่านจะมีความเป็นธรรมในการกระจายวัคซีน มีการตรวจสอบจับผิดกันรายวัน (ที่น่าตกใจก็คือ ประเด็นที่จับผิดกัน ก็มักจริงเสียด้วย) ดูตัวอย่างการกระจายวัคซีน “ไฟเซอร์ล็อตบริจาค” ก็จะเห็นได้ชัด
ฉะนั้นท่านควรเฟ้นหาคนใหม่ๆ ที่สังคมยังยอมรับมาทำงานแทนท่านในหลายๆ เรื่อง (แต่ในยามนี้ไม่รู้จะมีใครยอมเปลืองตัวหรือเปล่า) หรือไม่ก็พยายามเปิดพื้นที่ให้กลุ่มที่เห็นต่าง กลุ่มที่คอยตรวจสอบท่านนั่นแหละ เข้ามาร่วมบริหารจัดการด้วย
2.บังคับใช้กฎหมายในเรื่องที่ควรบังคับใช้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวเองและพวกพ้อง ในสถานการณ์แบบนี้ต้องหยุดความรู้สึกที่ว่าบางกลุ่ม บางฝ่ายได้รับอภิสิทธิ์ ในขณะที่บางกลุ่ม บางฝ่ายทำงานกันแทบตาย ก็ปล่อยให้ตาย ให้สิ้นหวังกันไปรายวัน
เช่น บางจังหวัดที่เป็นฐานการเมืองของบางพรรค ได้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 กันไปแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดเข็ม 1 เลย หรือข่าวลือที่ว่ามีบางคนบางกลุ่มฉกวัคซีนไฟเซอร์ล็อตบริจาคไปฉีดกันในกลุ่มพวกพ้องตัวเอง อย่างนี้เป็นต้น เรื่องเหล่านี้ถ้าท่านแก้ไม่ได้ ภาพพจน์ของท่านจะยิ่งตกต่ำลงไปกว่านี้อีก
3.เลิกเปิดศึกกับประชาชน โดยเฉพาะการไล่แจ้งความดำเนินคดีกับบรรดาคนที่ออกมา call out ในกรณีที่เป็นการแสดงความรู้สึก โดยไม่ได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูลหรือเผยแพร่เฟคนิวส์
อย่าลืมว่าในช่วงที่ประเทศกำลังเผชิญกับมหาวิกฤติ ย่อมต้องการการร่วมแรงร่วมใจ การจะสร้างสิ่งนี้ได้ คือท่านต้องปล่อยให้ประชาชนวิจารณ์ท่านได้ อาจจะใช้ถ้อยคำหยาบคายบ้าง รุนแรงบ้าง เข้าใจผิดบ้าง ท่านก็ต้องยอมรับฟังให้ได้ เพราะเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก
กรณีคนที่ออกมา call out เข้าใจผิด ท่านก็ชี้แจงไป ยิ่งเป็นคนดังยิ่งดี ท่านยิ่งชี้แจงตรงไปที่ตัวเขาได้ง่าย ถ้าเป็นการแชร์ข้อมูลโดยประชาชนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เห็นคนอื่นเดือดร้อน ก็อยากแชร์ อยากช่วย ผสมด่ารัฐบาลบ้าง แบบนี้แค่ตักเตือนก็น่าจะพอ และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน
แต่ถ้าเป็นกรณีจงใจเผยแพร่เฟคนิวส์ หรือทำกันเป็นขบวนการ สร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน ก็ดำเนินคดีไป ไม่มีใครว่า จะว่าไปสถานการณ์วันนี้ท่านปิดกั้นเฟคนิวส์หรือข่าวร้ายไม่ได้อีกแล้ว มีทางเดียวคือท่านต้องผลิตข่าวที่ถูกต้อง ข่าวดี ข่าวบวก และข่าวชี้แจงเข้าไปเจือจางความเข้มข้นเชี่ยวกรากของเฟคนิวส์ได้อย่างรวดเร็ว ทันเวลา
ผมเห็นข่าวผ่านๆ ว่าทีมโฆษกรัฐบาลจะออกมาเปิดรายการแนวๆ ชี้แจงเฟคนิวส์ ผมเห็นด้วย แม้หลายคนจะบอกว่าช้าเกินไป แต่ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่สาย เพราะข่าวปลอม ข่าวเข้าใจผิดมีทุกวัน ใส่ข่าวจริงเข้าไปมากๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง แต่ระวังอย่าให้เป็น “ไอโอ” เพราะบทเรียนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีมาแล้ว กรุณาช่วยศึกษา เพราะทำแล้วแทนที่คนจะรักรัฐบาลหรือหน่วยงานรัฐมากขึ้น กลับเกลียดหนักยิ่งกว่าเดิม และทำให้ไฟใต้โหมกระพือ ดับยากมากขึ้นทุกที
4.ระดมสรรพกำลังในระบบราชการให้ขับเคลื่อนออกมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้สมกับที่รวบอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับเอาไว้ ที่ผ่านมาท่านยังบูรณาการในทางปฏิบัติได้น้อยเกินไป หน่วยราชการยังทำงานเชิงรับเป็นหลัก ทำให้เกิดเหตุการณ์คนรอเตียงตายในบ้าน หรือตายริมถนน
น่าคิดว่าเหตุใดกลุ่มจิตอาสาเล็กๆ บางกลุ่ม เช่น เส้นด้าย กระจกเงา จึงดูมีบทบาทมากกว่าหน่วยงานรัฐในการเข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนที่กำลังรอเตียง รอตาย ทั้งๆ ที่ในเชิงจำนวนแล้ว หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบอยู่จริงย่อมช่วยประชาชนได้มากกว่า แต่ในแง่ของการรับรู้ กลับกลายเป็นว่ากลุ่มจิตอาสาทำงานได้เข้าถึงบ้านผู้ป่วยที่กำลังต้องการความช่วยเหลือได้มากกว่า และกลายเป็นที่พึ่งของหลายๆ คน หลายๆ ครอบครัวมากกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ