'สวนดุสิตโพล' ชี้ประชาชนจี้รัฐคุม ‘โควิด’ ก่อนสิ้นปีฟื้นท่องเที่ยว
“สวนดุสิตโพล” เผยผลสำรวจประชาชนต้องการให้รัฐมี “แผนป้องกันและควบคุมโควิด” ให้ได้โดยเร็วก่อนสิ้นปี เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยว
จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ต่อกรณี กู้วิกฤติท่องเที่ยวไทย จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,195 คน ระหว่างวันที่ 2-5 สิงหาคม 2564 พบว่า ประชาชนต้องการให้รัฐมีแผนป้องกันและควบคุมโควิดให้ได้โดยเร็ว หากสิ้นปีสถานการณ์ดีขึ้นพร้อมจะเดินทางท่องเที่ยว ทำให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้
โดยประชาชนมองว่า ปัญหาใหญ่ของการท่องเที่ยววันนี้ คือ โควิด-19 ทำให้สูญเสียรายได้มหาศาล ร้อยละ 88.55
นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่กล้ามาไทยเพราะยังมียอดผู้ติดเชื้อสูง ร้อยละ 82.83
ผู้ประกอบการขาดเงินทุน สภาพคล่อง คนตกงาน ร้อยละ 75.34
การ กู้วิกฤติท่องเที่ยวไทย ภาครัฐควรดำเนินการอย่างไรเพื่อให้การท่องเที่ยวเดินหน้าต่อไปได้
ร้อยละ 94.20 ตอบว่า ภาครัฐควรมีแผนป้องกันและควบคุมโควิด-19 ให้ได้เร็วที่สุด
ร้อยละ 75.69 บอกว่า สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวปลอดภัยจากโควิด-19
ร้อยละ 66.27 ชี้ว่าต้องปูพรมฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ท่องเที่ยวโดยเร็ว
ผลสำรวจถามต่อว่า หากสถานการณ์ดีขึ้นในช่วงสิ้นปีในไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม – ธันวาคม 2564) ประชาชนพร้อมจะเดินทางท่องเที่ยวหรือไม่
ร้อยละ 37.99 ตอบว่าพร้อม / ร้อยละ 35.65 ตอบว่าไม่พร้อม / ร้อยละ 26.36 ตอบว่าไม่แน่ใจ
นอกจากนี้ ภาครัฐควรมี มาตรการกระตุ้นให้ออกเดินทางท่องเที่ยว ในช่วงไตรมาสที่ 4 โดย
82.48% บอกว่า ควรมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขในพื้นที่ท่องเที่ยว
76.83% บอกว่า ควรมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ช่วยค่าใช้จ่ายคนละครึ่ง
71.27% บอกว่า ฟรีประกันคุ้มครองการเดินทาง, ประกันโควิด-19
และคิดว่าการตั้งเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวปี 2564 ทั้งในประเทศและต่างประเทศไว้ที่ 8.5 แสนล้านบาทนั้น ตอบว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ ร้อยละ 52.16 / ร้อยละ 27.39 ตอบว่า เป็นไปไม่ได้แน่นอน / ร้อยละ 17.15 ตอบว่า น่าจะเป็นไปได้ / และร้อยละ 3.30 ตอบว่า เป็นไปได้แน่นอน
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยว่า แม้ภาครัฐจะหั่นเป้าหมายรายได้การท่องเที่ยวเหลือเพียง 8.5 แสนล้านบาท แต่ประชาชนก็มองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง รวมไปถึงการเกิดคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในพื้นที่ ก็อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยว ส่วนโครงการ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ที่ครบรอบ 1 เดือน มีนักท่องเที่ยวหลักหมื่นคน รายได้สะพัดราว 1 พันล้านบาท ซึ่งนับว่าต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ จึงกลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อยว่าประเทศที่เคยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลักจะแก้ปัญหาอย่างไรต่อไป
ดร.ชนินทร์ ต่วนชะเอม ที่ปรึกษาคณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ประชาชนคิดว่าปัญหาด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการคือการสูญเสียรายได้มหาศาล เพราะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการคือรายได้หลักที่ประชาชนคนไทยอยู่ในอุตสาหกรรมนี้
อย่างไรก็ดี ประเทศไทยมีพร้อมด้านบริการทุกด้าน ธรรมชาติ อาหาร วัฒนธรรม และเสน่ห์ไทยเรายืนหนึ่งในภูมิภาค ประชาชนจึงอยากให้ภาครัฐมีแบบแผนป้องกัน โควิด-19 ที่ชัดเจนและด่วนที่สุด การ ล็อกดาวน์ (Lockdown) แบบเจ็บแล้วจบ ไม่ยืดเยื้อ ให้วัคซีนเข้าถึงทุกคน รักษาระยะห่าง และให้ความรู้ โดยทุกคนต้องร่วมมือกันช่วยกัน ในช่วงไตรมาส 4 ของปี ประชาชนพร้อมที่จะท่องเที่ยวในประเทศไทย 37.99% เพราะ การอยู่กับบ้านเจอกับโควิด-19 มา 2 ปี จึงอยากไปผ่อนคลาย ภาครัฐจึงควรมีมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขในพื้นที่ท่องเที่ยว มีวัคซีนที่มีคุณภาพ ให้ความรู้และให้ประชาชนตระหนักถึงโรคที่จะเกิดขึ้นจากการพัฒนาสายพันธุ์ตลอดเวลา
ถ้าภาครัฐและประชาชนร่วมด้วยช่วยกัน ทุกภาคส่วนมีความเข้มแข็งเราจะกู้วิกฤตท่องเที่ยวไทยได้